สถาบันคุ้มครองเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว
สถาบันคุ้มครอง
- เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว (ต่อไปนี้เรียกว่า “เหยื่อ”) สามารถรับการสนับสนุนดังต่อไปนี้จากสถาบันคุ้มครองที่สามารถใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวเนื่องจากหลบหนีความรุนแรงในครอบครัว (เนื้อหาจาก「พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 8 วรรค 1).
1. จัดหาที่พักและอาหาร
2. ให้คำปรึกษาและรักษาความมั่นคงทางจิตใจและการปรับตัวทางสังคม
3. สนับสนุนการรักษาทางแพทย์ เช่น ส่งตัวไปยังสถาบันการแพทย์เพื่อรักษาโรคและดูแลสุขภาพ (รวมการตรวจสุขภาพภายใน 1 เดือนหลังเข้ารับการรักษา)
4. สนับสนุนกระบวนการสอบสวน·พิจารณาคดี และประสานงานบริการ
5. ความร่วมมือที่จำเป็นสำหรับหน่วยงานช่วยเหลือทางกฎหมาย ฯลฯ กับการร้องขอการสนับสนุน
6. การดำเนินการของการอบรมการพึ่งพาตนเอง กับจัดเตรียมข้อมูลการหางาน
7. ข้อมูลการฝากมอบหมายไปยังสถาบันคุ้มครองตามกฎหมายต่าง ๆ
8. สิ่งที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ
※ สมาชิกในครอบครัวที่มากับเหยื่อ อาจไม่ได้รับการสนับสนุนนอกเหนือจาก "การจัดหาห้องและค่าอาหาร" สถาบันคุ้มครองระยะยาวอาจไม่สามารถทำหน้าที่ตั้งแต่ข้อ 1. จนถึง ข้อ 5. ได้อย่างทั้งหมด (ยกเว้น หน้าที่จัดเตรียมที่อยู่อาศัย) (อ้างอิงจาก「พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 8 วรรค 1).
การเข้าสถาบันคุ้มครอง
- ผู้ที่มีคุณสมบัติในการเข้าสถาบันคุ้มครอง จะต้องเป็นเหยื่อ หรือสมาชิกในครอบครัวนั้น หรือบุคคลที่ตรงตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 7(3) วรรค 1).
· บุคคลที่ต้องการหรือตกลงที่จะเข้าสถาบันคุ้มครอง
· บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ความบกพร่องทางจิต หรือบุคคลอื่นที่มีความสามารถทางการสื่อสารไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่ใช่ผู้ก่อความรุนแรงในครอบครัว (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้กระทำผิด”) โดยบุคคลที่เป็นผู้ปกครองยินยอมให้เข้าสถาบันคุ้มครอง
· บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ความบกพร่องทางจิต หรือบุคคลอื่นที่มีความสามารถทางการสื่อสารไม่สมบูรณ์ ซึ่งได้รับผลจากผู้ให้คำปรึกษาว่ามีความจำเป็นในการเข้าสถาบันคุ้มครอง แต่เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสมที่ต้องรับความเห็นจากผู้ปกครอง
※ กรณีเหยื่อมากับเด็กชายอายุ 10 ปีขึ้นไปเข้าสถาบันคุ้มครองทั่วไปไม่ยาก สามารถพาเหยื่อ (ลำดับความสำคัญ 1), เหยื่อที่มาร่วมกับบุตร (ลำดับความสำคัญ 2), หรือเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว (ลำดับความสำคัญ 3) เข้าสถาบันคุ้มครองได้(กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี2023」(2023.1.) p. 313]
※ การเข้าสถาบันคุ้มครอง สามารถติดต่อเพื่อเข้าสถาบันคุ้มครองได้ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ของผู้หญิง (☎ 1366) หรือศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวในแต่ละพื้นที่ เบอร์ติดต่อของศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว สามารถค้นหาและตรวจสอบข้อมูลของสถาบันเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัวผ่านเว็บไซต์ (http://www.mogef.go.kr/)
ระยะเวลาการคุ้มครองของสถาบันคุ้มครอง
- กรณีไม่เข้าสถาบันคุ้มครอง บุคคลนั้นสามารถอาศัยอยู่ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ สูงสุด 3 วัน (สามารถขยายได้ถึง 7 วันหากจำเป็น) (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2022」 p. 403).
- ระยะเวลาที่สามารถอยู่ในสถาบันคุ้มครอง ขึ้นอยู่กับประเภทของสถาบันคุ้มครองดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 7(2) และ 「พระราชบัญญัติการใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 7).
ประเภท
|
ระยะการคุ้มครอง
|
หมายเหตุ
|
สถาบันคุ้มครองระยะสั้น
|
ภายใน 6 เดือน (ไม่เกิน 1 ปี)
|
สามารถขยายระยะเวลาได้ 2 ครั้ง ทีละ 3 เดือน ในกรณีเหยื่อต้องการความมั่นคงทางจิตใจ หรือมีเหตุผล เช่น เข้ารับการรักษา
|
สถาบันคุ้มครองระยะยาว
|
ภายใน 2 ปี
|
สามารถดำเนินมาตรการขับไล่ออกได้ กรณียังหางานไม่ได้ภายใน 6 เดือนนับจากเข้าสถาบันคุ้มครอง หรือยกเว้นแต่กรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
|
สถาบันคุ้มครองชาวต่างชาติ
|
ภายใน 2 ปี
|
* คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้า: เหยื่อชาวต่างชาติ
|
สถาบันคุ้มครองคนพิการ
|
ภายใน 2 ปี
|
* คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้า: เหยื่อผู้พิการ
|
จำกัดการอ่าน·ออกทะเบียนบ้าน
จำกัดการอ่านทะเบียนบ้าน หรือการออกสำเนาทะเบียนบ้าน
- กรณีทะเบียนบ้านของเหยื่อและผู้กระทำผิดแตกต่างกัน สามารถกำหนดบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ต้องการจำกัดสิทธิรอ่านทะเบียนบ้าน หรือการออกเอกสาร เช่น คู่สมรส·ญาติโดยสายเลือด·ญาติโดยสายเลือดของคู่สมรส หรือคู่สมรสของญาติโดยสายเลือด และจำกัดการอ่านทะเบียนบ้าน หรือการออกสำเนาทะเบียนบ้านต่อนายกเมือง (ยกเว้นนายกเสืองพิเศษ·เมืองใหญ่, รวมถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ)·นายอำเภอ หรือนายกเทศมนตรีเขต (「พระราชบัญญัติการลงทะเบียนราษฎร」 มาตรา 29 วรรค 6).
- เหยื่อที่ต้องการยื่นขอจำกัดการอ่านทะเบียนบ้าน หรือการออกสำเนาทะเบียนบ้านข้างต้น จะต้องเตรียมบัตรประจำตัว และจะต้องส่งใบยื่นขอจำกัดการอ่านทะเบียนบ้าน หรือการออกสำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้แก่นายกเทศมนตรี·นายอำเภอ หรือ ตำแหน่งนายอำเภอ (เนื้อหาจาก「พระราชบัญญัติบังคับใช้ ทะเบียนบ้าน」) มาตรา 47(2), 「พระราชบัญญัติการใช้กฎหมายทะเบียนบ้าน」 มาตรา 13(2) และเอกสารแนบหมายเลข ข้อ 14(3)).
1. เอกสารยืนยันเข้ารับคำปรึกษา ที่ออกโดยหัวหน้าศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว หรือหัวหน้าศูนย์โทรศัพท์ฉุกเฉิน
2. เอกสารยืนยันการเข้าสถาบันคุ้มครองเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว ที่ออกโดยหัวหน้าสถาบันคุ้มครองหรือเอกสารยืนยันการเข้าที่พักพิงฉุกเฉิน ที่ออกโดยหัวหน้าศูนย์โทรศัพท์ฉุกเฉิน
3. เอกสารยืนยันเข้ารับคำปรึกษา หรือเอกสารยืนยันการเข้าสถาบันคุ้มครอง ที่ออกโดยหัวหน้าสถาบันคุ้มครอง
4. เอกสารยืนยันเข้ารับคำปรึกษา ที่ออกโดยหัวหน้าศูนย์ให้คำปรึกษาความรุนแรงทางเพศ
5. เอกสารยืนยันการเข้าสถาบันคุ้มครองความรุนแรงทางเพศ ที่ออกโดยหัวหน้าสถาบันคุ้มครองความรุนแรงทางเพศ
6. เอกสารยืนยันการเข้าสถาบันคุ้มครองสถาบันสวัสดิการสนับสนุนชั่วคราว ที่ออกโดยหัวหน้าสถาบันสวัสดิการสนับสนุนชั่วคราว
7. เอกสารยืนยันเข้ารับคำปรึกษา ที่ออกโดยหัวหน้าสถาบันคุ้มครองผู้อาวุโสในพื้นที่
8. เอกสารยืนยันการเข้าสถาบันคุ้มครองที่พักพิงสำหรับผู้สูงอายุที่ถูกทารุณกรรม ที่ออกโดยหัวหน้าที่พักพิงสำหรับผู้สูงอายุที่ถูกทารุณกรรม
9. เอกสารแจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเลขประจำตัวประชาชนสำหรับเหยื่อ
10. สำเนาเอกสารใบตัดสินออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว หรือสำเนาเอกสารใบตัดสินออกคำสั่งคุ้มครองเหยื่อ
11. เอกสารแจ้งให้ทราบถึงผลจัดการเรื่องที่ฟ้องร้อง·เปิดโปง
12. เอกสารยืนยันผลการจัดการคดี
- อย่างไรก็ตาม กรณียื่นเอกสารตามตั้งแต่ข้อ 1. และข้อ 3. จนถึงข้อ 5. จะส่งใบตรวจสุขภาพที่ออกโดยสถาบันทางการแพทย์ หรือเอกสารที่ชี้แจงความจริงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวที่ออกโดยกรมตำรวจไปด้วยกัน (อ้างอิงจาก「พระราชบัญญัติการใช้กฎหมายพระราชบัญญัติการลงทะเบียนราษฎร」 มาตรา 13(2)).
ครอบครัวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน(กรุ๊ปโฮม)
ครอบครัวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน (กรุ๊ปโฮม)
- รัฐบาลจัดหาพื้นที่พักอาศัย (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "กรุ๊ปโฮม") เป็นพื้นที่ที่เหยื่อที่เป็นผู้หญิงและครอบครัวของเหยื่อสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศสามารถเป็นอิสระและสร้างเงื่อนไขสำหรับการปรับตัวทางสังคมได้(กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」(2023.1.) p. 454)
การเข้าอยู่ในกรุ๊ปโฮม
- ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวและมีความต้องการอยากพึ่งพาตัวเอง·เลี้ยงชีพตัวเองสามารถย้ายเข้าอยู่ในกรุ๊ปโฮมได้ตามลำดับความสำคัญดังต่อไปนี้(กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p. 99)
การจำแนก
|
คุณสมบัติการย้ายเข้ามา
|
อันดับ 1
|
บุคคลที่เข้าสถาบันคุ้มครองด้วยกันกับเด็กชายอายุ 10 ปีขึ้นไปได้ลำบาก ในฐานะเป็นคนที่ได้รับคำแนะนำโดยหัวหน้าสถาบันคุ้มครอง, หัวหน้าศูนย์ให้คำปรึกษาด้านความรุนแรงในครอบครัว, หรือหัวหน้าศูนย์ 1366
|
อันดับ 2
|
เด็ก・เยาวชนที่เป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศภายในครอบครัว แต่ไม่ได้เข้าสถาบันคุ้มครอง
|
อันดับ 3
|
บุคคลที่ได้รับการยอมรับว่ามีความจำเป็นอันดับแรกที่ต้องเข้าสู่สถาบันสนับสนุนที่อยู่อาศัยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการส่วนท้องถิ่น หัวหน้าองค์กรดำเนินงานโครงการสนับสนุนที่อยู่อาศัย ผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ
|
※ เกณฑ์ลำดับการรับเข้าสถาบันคุ้มครองเพื่อตัดสินใจเลือกเข้าอาศัย จะไม่ได้แยกแยะว่าปัจจุบันได้เข้ามาอยู่หรือออกไปจากที่อยู่อาศัยแล้วหรือไม่
ค่าใช้จ่ายการเข้าอยู่อาศัย
- การละเว้นเงินมัดจำค่าเช่าสำหรับกรุ๊ปโฮมผู้เช่าจะต้องชำระ 1 ครั้งสูงสุด 700,000 วอนเพื่อป้องกันการค้างค่าจัดการ (ได้รับคืนเมื่อย้ายออก) (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p. 97)
- ค่าการจัดการและค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ มีค่าประมาณค่าการจัดการของอพาร์ตเมนต์เช่าถาวรในแถบใกล้เคียงโดยผู้เช่าที่ใช้ชีวิตในกรุ๊ปโฮมร่วมกันจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเอง (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p. 98)
ระยะเวลาการย้ายเข้าอยู่อาศัย
- ระยะเวลาที่สนับสนุนการอยู่อาศัยสำหรับผู้เช่าใหม่จะอยู่ที่ 2 ปี โดยสามารถขยายระยะเวลาได้ครั้งละ 2 ปีเป็นจำนวน 1 ครั้ง (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p. 100)
วิธีการย้ายเข้าอยู่อาศัย
- ตามหลักการแล้ว การเช่าที่อยู่อาศัยจะประกอบด้วย 2 ครอบครัวต่อ 1 บ้านเช่า กรณีสมาชิกในครอบครัวมี 2 คนขึ้นไป (รวมถึงตัวเหยื่อด้วย) หลังจากการพิจารณาแล้ว สามารถย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเช่า 1 ครอบครัวต่อ 1 บ้านเช่าได้ (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p.100)
การยื่นขอย้ายเข้าอยู่อาศัย
- เหยื่อที่อยากย้ายเข้ามาอยู่ในกรุ๊ปโฮม สามารถยื่นขอการเข้าอยู่อาศัยได้ผ่านสถาบันคุ้มครองที่กรุ๊ปโฮมบริหาร (ต่อไปนี้เรียกว่า “สถาบันปฏิบัติการ”) หรือ ศูนย์1366 โดยจะต้องยื่นเรื่องไปยังสถาบันปฏิบัติการหรือศูนย์ 1366 เมือง·จังหวัดที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p. 100)
การสนับสนุนการเช่าที่อยู่อาศัย
คุณสมบัติตามการลำดับความสำคัญในการเช่าที่อยู่อาศัย
- เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว (ต่อไปนี้เรียกว่า “เหยื่อ”) ถือเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติตามการลำดับความสำคัญในการเช่าที่อยู่อาศัยสาธารณะ ที่สร้างโดยรัฐ·รัฐบาลท้องถิ่น·การเคหะสงเคราะห์แห่งเกาหลี หรือบริษัทก่อสร้างท้องถิ่น (「พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 8(5)).
คุณสมบัติในการยื่นขอเข้าพักอาศัย
- บุคคลที่มีคุณสมบัติในการเช่าที่อยู่อาศัยสาธารณะ จะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์มาตรฐานของสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีที่อยู่อาศัย, คุณสมบัติของผู้เข้าอาศัยตามรายได้ตามประเภทดังต่อไปนี้ [「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการเคหะของรัฐ」 มาตรา 48, 「พระราชบัญญัติการใช้กฎหมายพิเศษว่าด้วยการเคหะของรัฐ」 มาตรา 15 วรรค 1 และเอกสารแนบตารางที่ 4. 2. ตามลำดับ นา. ผู้ดูแลบิดามารดาผู้สูงอายุ, ผู้พิการ, ผู้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศ ฯลฯ 9)].
ขนาดของที่พักให้เช่า
|
คุณสมบัติผู้เข้าอยู่
|
น้อยกว่า 50㎡
|
1. บุคคลที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีที่อยู่อาศัย โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% ของรายได้ต่อเดือนต่อครอบครัวของคนทำงานในเมืองตามปีที่ผ่านมา (คิดเป็น 70% ถ้าจำนวนสมาชิกในครอบครัวเท่ากับ 1 คน, คิดเป็น 60% สำหรับ 2 คน) 2. บุคคลที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 70% ของรายได้ต่อเดือนต่อครอบครัวของคนทำงานในเมืองตามปีที่ผ่านมา หลังจากจัดหาตามข้อ 1. (คิดเป็น 90% ถ้าจำนวนสมาชิกในครอบครัวเท่ากับ 1 คน, คิดเป็น 80% สำหรับ 2 คน) 3. จำกัดให้สำหรับครอบครัวเดี่ยวที่มีพื้นที่บ้านไม่เกิน 40㎡ (สามารถจำกัดให้สำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่เกิน 50㎡ ในกรณีช่วงประกาศจัดหาที่อยู่อาศัยที่จัดโดยเมือง·อำเภอ·เขต ไม่มีบ้านที่มีพื้นที่ไม่เกิน 40㎡ และกรณีเป็นผู้พิการขั้นรุนแรง)
|
มากว่า 50㎡ แต่น้อยกว่า 60㎡
|
บุคคลที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีที่อยู่ (ยกเว้น ครอบครัวเดี่ยว)ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 70% ของรายได้ต่อเดือนต่อครอบครัวของคนทำงานในเมืองตามปีที่ผ่านมา (คิดเป็น 90% ถ้าจำนวนสมาชิกในครอบครัวเท่ากับ 1 คน, คิดเป็น 80% สำหรับ 2 คน)
|
มากกว่า 60㎡
|
บุคคลที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีที่อยู่ (ยกเว้น ครอบครัวเดี่ยว)ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 100% ของรายได้ต่อเดือนต่อครอบครัวของคนทำงานในเมืองตามปีที่ผ่านมา (คิดเป็น 120% ถ้าจำนวนสมาชิกในครอบครัวเท่ากับ 1 คน, คิดเป็น 110% สำหรับ 2 คน)
|
- เหยื่อที่ต้องการรับสิทธิจัดหาการเช่าที่อยู่อาศัยสาธารณะตาม「พระราชบัญญัติการใช้กฎหมายพิเศษว่าด้วยการเคหะของรัฐ」ข้างต้น บุคคลนั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดตรงตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้เกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงในครอบครัว และการคุ้มครองเหยื่อ ฯลฯ」 มาตรา 4(2) วรรค 1).
· บุคคลที่อยู่ในสถาบันคุ้มครองนานกว่า 6 เดือนและยังไม่เกิน 2 ปีนับจากวันที่ออกมา (ยกเว้น บุคคลที่เข้ามาด้วยวิธีการอันเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องอื่น ๆ และโดนไล่ออก)
· บุคคลที่อาศัยอยู่ในสถาบันสนับสนุนที่อยู่อาศัย ที่สนับสนุนโดยหัวหน้ากระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป และยังไม่เกิน 2 ปีนับจากวันที่ออกมา (ยกเว้น บุคคลที่เข้ามาด้วยวิธีการอันเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องอื่น ๆ และโดนไล่ออก)
การสมัครเข้าพักอาศัย
- เหยื่อที่ต้องการเข้าพักอาศัยในการเช่าที่อยู่อาศัยสาธารณะ สามารถยื่นขอสมัครเพื่อเข้าพักตามประกาศจัดหาที่อยู่อาศัยให้เช่าสาธารณะได้ หลังจากที่ได้รับเอกสารหลักฐานที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอเข้าพักอาศัย (เลือก 1 เอกสารจากเอกสารยืนยันการรับเข้าสถาบันคุ้มครองในฐานะเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน, เอกสารยืนยันความจริงที่เข้าพักในสถาบันสนับสนุนที่อยู่อาศัย, 「ธุรกิจสนับสนุนที่อยู่อาศัยสำหรับเหยื่อความรุนแรงที่เป็นผู้หญิง」 ของกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัวเป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป) (กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว, 「แนวทางส่งเสริมผลประโชยน์สิทธิเด็ก·สตรีปี 2023」 p. 334)