การจัดการในฐานะคดีคุ้มครองครอบครัว
การควบคุมดูแลของคดีคุ้มครองครอบครัว
- ศาลครอบครัวมีหน้าที่ควบคุมดูแลปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ, ที่อยู่อาศัยหรือ พื้นที่ที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจการควบคุมของผู้ก่อความรุนแรงในครอบครัว (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้กระทำผิด”) อย่างไรก็ตาม หากไม่มีศาลครอบครัวอยู่ในพื้นที่ ศาลแขวง (รวมถึง ศาลในพื้นที่) ในพื้นที่นั้นจะรับหน้าที่เป็นศาลที่ควบคุมดูแล (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 10 วรรค 1).
การจัดการเกี่ยวกับผู้กระทำผิด
- กรณีมีการตัดสินให้ส่งคดีไปยังศาลที่ควบคุมดูแลในคดีคุ้มครองครอบครัว หัวหน้าสถานกักขังของผู้กระทำผิดจะต้องส่งตัวผู้กระทำผิดไปยังศาลที่ควบคุมดูแลภายใน 24 ชั่วโมงในเมือง(รวมถึง เมืองพิเศษ, เมืองใหญ่ และเมืองตาม 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งจังหวัดปกครองตนเองพิเศษเชจู และเมืองอิสระนานาชาติ」 มาตรา 10 วรรค 2)·อำเภอ และภายใน 48 ชั่วโมงเมือง·อำเภออื่น ๆ นับแต่เวลาที่ได้รับคำสั่งโอนคดีจากอัยการ ในกรณีนี้ ศาลจะต้องตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการชั่วคราวกับผู้กระทำผิดหรือไม่ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 13 วรรค 1).
การสอบสวน·ตรวจสอบของคดีการคุ้มครองครอบครัว
ทิศทางพื้นฐานการสอบสวน·ตรวจสอบ
- กรณีการสอบสวน·ตรวจสอบคดีการคุ้มครองครอบครัว ศาลสามารถใช้ความรู้ทางด้านการแพทย์·จิตวิทยา·สังคม·สวัสดิการสังคมและความรู้เฉพาะด้านต่าง ๆ เปิดเผยข้อเท็จจริงของด้านอุปนิสัย·ประสบการณ์·สถานะทางครอบครัว และแรงจูงใจ·สาเหตุ และสถานการณ์จริง ฯลฯ ของ ผู้กระทำผิด·เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว (ต่อไปนี้เรียกว่า “เหยื่อ”), และสมาชิกในครอบครัวอื่น ๆ โดยศาลจะต้องพยายามใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมายการคุ้มครองสิทธิของเหยื่อและสมาชิกในครอบครัว (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 19).
การสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
- ศาลสามารถสอบถามความคิดเห็นกับจิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับจิตใจ·จิตวิทยาของผู้กระทำผิด เหยื่อ หรือสมาชิกในครอบครัว และความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัวโดยจะสามารถนำผลความคิดเห็นเหล่านั้น มาใช้ในการพิจารณาการสอบสวน·ตรวจสอบคดีการคุ้มครองครอบครัวได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 22).
ไม่เปิดเผยตัวคดี
- กรณีเห็นว่ามีความจำเป็นสำหรับการปกป้องความเป็นส่วนตัว หรือเพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของครอบครัวมีความเสี่ยงเป็นอันตรายต่อศีลธรรม การพิจารณาตัวคดีของผู้พิพากษาจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 32 วรรค 1).
- เหยื่อและสมาชิกในครอบครัวที่ถูกเรียกเป็นพยาน อาจขอให้ผู้พิพากษาไม่เปิดเผยการสอบสวนของพยานด้วยเหตุผลในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว หรือฟื้นฟูความสงบและความมั่นคงของครอบครัวได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 32 วรรค 2).
รับประกันสิทธิการชี้แจงของเหยื่อ
- เว้นแต่ในกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้ และเหยื่อได้เรียกร้องให้สอบปากคำในฐานะเป็นพยาน กรณีเหยื่อถูกสอบปากคำเอง บุคคลนั้นจะได้รับโอกาสในการชี้แจงเกี่ยวกับคดีคุ้มครองครอบครัว (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 33วรรค 1 และวรรค 2).
· กรณีผู้ยื่นเรื่องได้ระบุขั้นตอนการพิจารณาคดีไว้เพียงพอแล้ว และยอมรับว่าไม่จำเป็นต้องให้คำชี้แจงอีก
· กรณีพบความเสี่ยงต่อการล่าช้าในขั้นตอนของคดี เนื่องจากการชี้แจงของผู้ยื่นเรื่อง
- กรณีเห็นชอบว่ามีความจำเป็นเมื่อดำเนินคดี ศาลสามารถเรียกร้องขอความคิดเห็นหรือเอกสารต่อผู้สอบสวนคดีคุ้มครองครอบครัว กรณีจำเป็นในการชี้แจงที่เป็นธรรม ฯลฯ สามารถสั่งให้ผู้กระทำผิดออกไปก่อนได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 33 วรรค 3).
- ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อตามคำขอของศาลตามที่อธิบายไว้ข้างต้น เหยื่อสามารถใช้ตัวแทน เช่น ทนาย ตัวแทนทางกฎหมาย คู่สมรส ญาติพี่น้องตามสายเลือด, พี่น้อง, ศูนย์ให้คำปรึกษา ในการชี้แจงความเห็นของตนเอง (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 33 วรรค 4).
ล่ามและแปลภาษาสำหรับคู่สมรสที่เป็นผู้อพยพ
- กรณีคู่สมรสที่เป็นผู้อพยพและพูดภาษาเกาหลีไม่แข็งแรง แต่ต้องชี้แจงคดีต่อศาลครอบครัว สามารถรับบริการล่ามหรือแปลภาษาได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 34 วรรค 1, 「ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา」 มาตรา 180 และมาตรา 182).
มาตรการชั่วคราวสำหรับคุ้มครองเหยื่อ
การตัดสินในมาตรการชั่วคราว
- กรณีเห็นชอบว่ามีความจำเป็นเพื่อให้สอบสวน·ตรวจสอบคดีการคุ้มครองครอบครัวเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อคุ้มครองเหยื่อ ศาลสามารถออกมาตรการชั่วคราวต่อผู้กระทำผิด เช่น พาตัวออกไปหรือห้ามเข้าใกล้ได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 29 วรรค 1).
การลงโทษสำหรับคดีคุ้มครองครอบครัว
ตัดสินว่าจะไม่ลงโทษ
- ศาลจะต้องตัดสินคดีคุ้มครองครอบครัวว่าไม่ต้องลงโทษ หากตรงกับข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 37 วรรค 1).
1. กรณีเห็นชอบว่าไม่สามารถดำเนินการได้ หรือไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินบทลงโทษเพื่อการคุ้มครอง
2. กรณีเห็นชอบว่าไม่เหมาะสมที่จะถือว่าคดีเป็นคดีคุ้มครองครอบครัว เมื่อพิจารณาจากลักษณะ·แรงจูงใจของคดีและผลลัพธ์, นิสัยของผู้กระทำผิด ฯลฯ
- กรณีตัดสินไม่ลงโทษตามสาเหตุตามข้อ 2. ข้างต้น จะต้องจัดการตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 37 วรรค 2).
· กรณีเป็นคดีที่อัยการส่งเรื่อง จะต้องส่งเรื่องต่อไปยังอัยการของสำนักงานอัยการที่เกี่ยวข้องกับศาลที่มีอำนาจควบคุมดูแล
· กรณีเป็นคดีที่ศาลส่งเรื่อง จะต้องส่งเรื่องต่อไปยังศาลที่ส่งเรื่อง
- หากมีการตัดสินให้ไม่ต้องรับโทษตามข้อ 1. ข้างต้น มาตรการชั่วคราวที่ดำเนินการอยู่จะถูกยกเลิก ในกรณีมีการตัดสินว่าไม่ต้องรับโทษตามข้อ 2. ข้างต้น เมื่อการตัดสินนี้ได้รับการยืนยัน มาตรการชั่วคราวจะถูกสั่งให้ยกเลิก (「พระราชบัญญัติการตัดสินการคุ้มครองบ้าน」 มาตรา 44).
การตัดสินใจเกี่ยวกับบทลงโทษเพื่อการคุ้มครอง
- กรณีเห็นชอบว่ามีความจำเป็นต่อบทลงโทษหลังจากการคุ้มครองทางผลลัพธ์ทางคดี ศาลสามารถตัดสินใช้บทลงโทษเพื่อการคุ้มครองได้ (「พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับบทลงโทษอาชญากรรมความรุนแรงในครอบครัว」 มาตรา 40 วรรค 1).