※ กฎพื้นฐานของบริการการคุ้มครองเด็ก
1. คำนึงถึงผลประโยชน์ของเด็กเป็นอันดับแรก
- การดำเนินขั้นตอนการคุ้มครองเด็กทั้งหมด เช่น การให้คำปรึกษาสำหรับเด็ก, การตัดสินใจด้านมาตรการคุ้มครอง ฯลฯ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเด็กเป็นอันดับแรกเสมอ
- สำหรับการคุ้มครองเด็ก ‘ความรีบเร่ง’ และ ‘ความตรงต่อเวลา’ มีความสำคัญที่สุด ในกรณีเด็กมีความจำเป็นต้องรับการคุ้มครงฉุกเฉิน จะใช้กฎการคุ้มครองแบบ ‘คุ้มครองก่อนจัดการทีหลัง’ (กฎการคุ้มครองทันที หากไม่มีเหตุผลที่หลบเลี่ยงไม่ได้)
2. พยายามเพื่อปกป้องครอบครัวที่ให้กำเนิด
- กรณีของเด็ก โดยส่วนใหญ่การเติบโตของเด็กที่ดีที่สุดมักเกิดขึ้นภายในครอบครัวตนเอง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพยายามปกป้องรักษาครอบครัวที่ให้กำเนิด
- รัฐบาลท้องถิ่น ฯลฯ จะต้องพยายามค้นหาขุดอ่อนของเด็ก (สมาชิกในครอบครัว) เช่น ด้านปัญหาที่ถูกมองข้ามเพื่อให้ครอบครัวที่ให้กำเนิดคุ้มครองเด็กได้ โดยจะต้องป้องกันการแตกแยกในครอบครัวที่ค้นหาผ่านการให้คำปรึกษา, สวัสดิการเงินเดือน และบริการเชื่อมโยง・สนับสนุน ฯลฯ ด้านปัญหาที่ถูกมองข้าม
· กรณีผู้ปกครองมีความประสงค์ที่จะส่งให้เด็กเข้าสถาบันสวัสดิภาพเด็กหรือรับเลี้ยง ควรจะตรวจสอบว่าครอบครัวที่ให้กำเนิดมีความสามารถที่จะคุ้มครองเด็กหรือไม่ ก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การเข้าสถาบัน หรือทำเรื่องเข้าสถาบันรับเลี้ยง ฯลฯ กรณีมีความเป็นไปได้ จะต้องดำเนินการที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ครอบครัวที่ให้กำเนิดได้คุ้มครองเด็กด้วยตนเอง (บริการเชื่อมโยง・สนับสนุน ฯลฯ)
- เมื่อแยกเด็กออกจากคุ้มครองของครอบครัว ควรดำเนินการเพียงระยะเวลาชั่วคราวหรือระยะเวลาที่น้อยที่สุด และควรทบทวนการตัดสินใจแยกเด็กออกจากครอบครัวเป็นระยะ
3. กฎการคุ้มครองครอบครัวเป็นอย่างแรก
- กรณีเด็กถูกแยกตัวออกมาคุ้มครองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะต้องตัดสินใจเลือกรูปแบบการเลี้ยงดูแบบอื่น โดยพิจารณาถึงลักษณะและสถานการณ์ของเด็กรายบุคคล และคำนึงการจำกัดถึงสิทธิและเสรีภาพของเด็กให้น้อยที่สุด
- กล่าวคือ จะต้องพิจารณาการรับเลี้ยงและอุปถัมภ์เลี้ยงดูเป็นอันดับแรก เพื่อช่วยให้เด็กเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมือนครอบครัวจริง โดยการกำหนดประเภทแยกเพื่อคุ้มครอง และในกรณีจำเป็นต้องการคุ้มครองแบบสถาบัน จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับครอบครัวที่อยู่ร่วมกันเป็นอันดับแรก
4. การส่งเสริมให้มีส่วนร่วมของเด็กและผู้ปกครอง
- กรณีมาตรการคุ้มครองสำหรับเด็ก จะต้องเคารพความคิดของเด็กที่ต้องการการคุ้มครอง และจะต้องส่งเสริมให้เด็กและผู้ปกครองเข้าร่วมขั้นตอนทั้งหมด เช่น รับคำปรึกษา, วางแผนการคุ้มครองเด็ก และการคุ้มครอง ฯลฯ
· อย่างไรก็ตาม ในกรณีผู้ปกครองของเด็กเป็นผู้ทารุณกรรมเด็กตามพระราชบัญญัติพิเศษด้านการลงโทษอาชญากรรมการทารุณกรรมเด็ก ฯลฯ ไม่จำเป็นจะต้องฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองตาม「พระราชบัญญัติสวัสดิภาพเด็ก」 มาตรา 15 วรรค 5
- หลังจากมาตรการคุ้มครองสำหรับเด็ก จะต้องระวังมิให้เด็กขาดการติดต่อกับผู้ปกครอง
5. แนวทางป้องกัน (เตรียมบริการแบบครบวงจร)
- กรณีเด็ก(สมาชิกในครอบครัว)ที่อ่อนแอ ส่วนใหญ่หมายถึงกรณีที่มีความต้องการซับซ้อน เช่น ยากจน โรคภัยไข้เจ็บ หย่าร้าง ฯลฯ
- กรณีเรียกร้องมาตรการคุ้มครองสำหรับเด็ก(สมาชิกครอบครัว)ที่อ่อนแอ จะไม่ได้จัดเตรียมให้แค่เงิน แต่จะเตรียมเงินในจำนวนที่จำเป็น และบริการแบบครบถ้วนโดยจะประเมินความเสี่ยงต่อเด็กและสมาชิกในครอบครัวอย่างครอบคลุมผ่านการจัดการ ฯลฯ
- ข้อมูลมหัตจะถูกนำมาใช้ เช่น ข้อมูลกลุ่มชนชั้นอ่อนแอที่มีจุดบอดด้านสวัสดิการ (ไฟฟ้าถูกตัด, น้ำถูกตัด, แก๊สถูกตัด, ค้างชำระเบี้ยประกันสังคม ฯลฯ) ข้อมูลการทารุณกรรมเด็ก การศึกษาภาคบังคับ สำหรับเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน และการขาดเรียนระยะยาว ฯลฯ เพื่อค้นหา・ป้องกันเด็กที่มีความเสี่ยงล่วงหน้า ต้องสร้างระบบค้นหา・ป้องกันอย่างสม่ำเสมอ (e-ระบบส่งเสริมสวัสดิการเด็ก)
6. พิจารณาความสะดวกของผู้ใช้ให้มากที่สุด
- กรณีพบว่าเด็กที่ต้องการการคุ้มครอง(สมาชิกในครอบครัว) ผ่านการแจ้งของผู้ปกครองหรือพบจากปัญหาที่ถูกมองข้าม ฯลฯ ผู้รับผิดชอบจะต้องไปเยี่ยมครอบครัวนั้นโดยตรง หรือให้คำปรึกษา ฯลฯ และจะต้องหาวิธีลดความลำบากสำหรับผู้ปกครองในการเข้าเยี่ยมตำบล・เขตปกครองท้องถิ่น・แขวง(หรือ เมือง・อำเภอ・เขต)
- กรณีมีความจำเป็นจะต้องรับคำปรึกษา ฯลฯ หลายครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อเป็นการคุ้มครองเด็ก จำเป็นจะต้องอธิบายขั้นตอนให้ผู้ปกครอง ฯลฯ ทราบล่วงหน้า โดยจะต้องจัดเวลา・สถานที่ตามความต้องการของผู้ปกครอง
- กรณีมาตรการคุ้มครองเด็ก เพื่อเป็นการลดความเสียหายต่อชีวิตเด็ก จะต้องคอยส่งเสริมการติดต่อกับครอบครัวและความเป็นไปได้ในการกลับมารวมตัวกัน โดยจะต้องคุ้มครองเด็กภายในสภาพแวดล้มที่ใกล้เคียงกับครอบครัวที่เด็กเคยอยู่อาศัยมาก่อนให้มากที่สุด
<กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ, หัวหน้าสำนักงานสิทธิเด็ก, คู่มือการใช้งานบริการคุ้มครองเด็ก 2022>