การคุมขังจำเลย
คำฟ้องระหว่างการคุมขัง
- “คำฟ้องระหว่างการคุมขัง” หมายถึง การที่อัยการยื่นฟ้องในขณะที่ผู้ต้องสงสัยถูกคุมขังอยู่ ในกรณีนี้ จำเลยจะถูกดำเนินคดีในขณะที่ถูกจับกุมหรือถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ฯลฯ
เหตุผลในการคุมขัง
- ศาลอาจคุมขังจำเลยหากมีเหตุผลอันสมควรที่จะสงสัยว่า จำเลยได้ก่ออาชญากรรมจริง หรือหากจำเลยเข้าข่ายในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (มาตรา 70 วรรค1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· หากจำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม
· หากจำเลยอาจทำลายหลักฐาน
· หากจำเลยพยายามหลบหนีหรืออาจพยายามหลบหนี
- เมื่อผ่านการคัดกรองด้วยเหตุผลในการคุมขังแล้ว ศาลจะพิจารณาถึงระดับความรุนแรงของอาชญากรรม, ความเสี่ยงที่จะกระทำผิดซ้ำสอง, ความเสี่ยงที่จะทำร้ายเหยื่อและพยานหลัก (มาตรา 70 วรรค 2 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- สำหรับคดีที่มีการปรับน้อยกว่า 500,000 วอนหรือมีบทลงโทษด้วยการกักขังหรือจ่ายค่าปรับ จำเลยจะไม่ถูกคุมขังเว้นแต่เขา/เธอไม่มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม (มาตรา 70 วรรค 3 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
วิธีคุมขังจำเลย
- การออกหมายจับและดำเนินการตามหมายจับ
· ศาลจะออกหมายจับเพื่อคุมขังจำเลย (มาตรา 73 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· เจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายคดีจะดำเนินการตามหมายจับตามที่พนักงานอัยการสั่ง อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ผู้พิพากษาที่ได้รับมอบหมาย หรือผู้พิพากษาที่ได้รับมอบอำนาจ อาจสั่งการให้ดำเนินการตามหมายจับได้ หากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน (มาตรา 81 วรรค 1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
※ ตามคำสั่งของพนักงานอัยการ เจ้าหน้าที่เรือนจำจะดำเนินการตามหมายจับที่ออกเพื่อคุมขังจำเลยอยู่ในคุกหรือเรือนจำ (มาตรา 81 วรรค 3 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· ให้ผู้ดำเนินการตามหมายจับแสดงและมอบสำเนาให้จำเลยก่อนดำเนินการตามหมายจับ และรีบนำตัวจำเลยไปยังศาลหรือสถานที่อื่นที่กำหนดโดยเร็ว (มาตรา 85 วรรค 1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
※ ผู้ดำเนินการตามหมายจับอาจจับกุมจำเลยได้หากจำเป็น แม้ว่าจะไม่มีหมายจับก็ตาม ในกรณีนี้ ให้บุคคลดังกล่าวแจ้งให้จำเลยทราบข้อมูลสรุปการฟ้องร้องดำเนินคดีและการออกหมายจับก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการดังกล่าวแล้ว บุคคลนั้นจะต้องแสดงสำเนาหมายจับโดยทันทีและมอบสำเนานั้นให้แก่จำเลย (มาตรา 85 วรรค 3 และ 4 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· หากจำเลยไม่ได้หลบหนี ให้ผู้ดำเนินการตามหมายจับแจ้งข้อมูลสรุปอาชญากรรม, เหตุผลในการคุมขัง และสิทธิในการแต่งตั้งทนายความก่อนคุมขังจำเลย (มาตรา 72 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- การแจ้งการคุมขัง ฯลฯ
· ผู้ดำเนินการตามหมายจับต้องจัดทำเอกสารที่มีการแจ้งชื่อคดี วันที่ และสถานที่คุมขัง, ข้อมูลสรุปที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม, เหตุผลในการกักขัง และวัตถุประสงค์ที่ให้จำเลยสามารถแต่งตั้งทนายความได้ ผู้ดำเนินการตามหมายจับจะต้องแจ้งข้อเท็จจริงนี้แก่ทนายความของจำเลยที่ถูกคุมขัง (ถ้ามี) หากยังไม่ได้แต่งตั้งทนายความ ให้ผู้ดำเนินการตามหมายจับ แจ้งผู้มีสิทธิแต่งตั้งทนายความตามมาตรา 30 วรรค 2 ของ「พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」 ซึ่งจำเลยเป็นผู้เลือกเอง (มาตรา 87 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· ผู้ดำเนินการตามหมายจับจะต้องแจ้งให้จำเลยทราบข้อมูลการฟ้องร้องดำเนินคดีในทันที (มาตรา 88 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
※ อย่างไรก็ตาม การแจ้งให้จำเลยทราบก่อนที่จะกักขัง ในประเด็นที่เกี่ยวกับข้อมูลสรุปการฟ้องร้องดำเนินคดีและสิทธิในการแต่งตั้งทนายความนั้น อยู่ภายใต้ขั้นตอนหลังการไต่สวนคดี ดังนั้น การละเมิดภาระผูกพันข้างต้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้หมายจับ (
Supreme Court Decision No. 2000모134 Decided November 10, 2000).
- ระยะเวลาคุมขัง
· โดยหลักการแล้ว ระยะเวลาคุมขังจำเลยคือ สองเดือน อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุผลจำเป็นเฉพาะกิจให้ต้องยืดระยะเวลาการคุมขังออกไป ช่วงเวลาดังกล่าวอาจได้รับการขยายได้สูงสุดสองครั้งเป็นเวลาสองเดือน ตามลำดับ ในการพิจารณาคดีในชั้นศาลแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่จะมีการยื่นอุทธรณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยหรือทนายความของผู้ต้องสงสัยยื่นคำร้องขอตรวจสอบหลักฐานและเอกสารที่ต้องมีการพิจารณาคดีเพิ่มเติม ในกรณีนี้ อาจต่ออายุระยะเวลาคุมขังได้ไม่เกินสามครั้ง (มาตรา 92 วรรค 1 และ 2 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· ระยะเวลาการคุมขังจะไม่รวมถึงระยะเวลาที่ถูกระงับไปเนื่องจากการพิจารณาคดี หรือระยะเวลาที่ใช้ในการจับกุม, จำคุก หรือการคุมขังก่อนยื่นฟ้อง (มาตรา 92 วรรค 3 ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
การยกเลิกการคุมขัง ฯลฯ
- อาจไม่มีเหตุผลที่จะคุมขังอีกต่อไปหรือเหตุผลดังกล่าวอาจหมดอายุความ ในกรณีนี้ ศาลอาจตัดสินใจยกเลิกการคุมขังโดยใช้อำนาจอย่างเป็นทางการหรือโดยการเรียกร้องของอัยการ, จำเลย, ทนายความ หรือผู้มีสิทธิแต่งตั้งทนายความตามกฎหมาย (มาตรา 93 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- หากมีเหตุผลอันสมควร ศาลอาจระงับการคุมขังโดยให้จำเลยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของญาติ, องค์กรคุ้มครองหรือบุคคลที่เหมาะสมอื่นๆ หรือโดยการจำกัดพื้นที่ที่อยู่อาศัยของเขา/เธอ ภายหลังการฟังความเห็นของอัยการ อย่างไรก็ตาม ศาลอาจงดถามความเห็นของพนักงานอัยการ หากสถานการณ์มีความเร่งด่วน (มาตรา 101 วรรค 1 และ 2 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
ระบบการประกันตัว
คำจำกัดความของระบบการประกันตัว
- “ระบบการประกันตัว” หมายถึง ระบบการปล่อยตัวจำเลยที่ถูกคุมขัง โดยระงับการคุมขังตามเงื่อนไขของการจ่ายเงินประกันจำนวนหนึ่ง (ศัพท์ทางกฎหมายและคดีต่างๆ ที่รวบรวมโดย Ministry of Government Legislation และสถาบันวิจัยกฎหมายแห่งเกาหลี, 2003)
การขอประกันตัว
- บุคคลใดก็ตามที่อยู่ในประเภทต่อไปนี้ สามารถขอประกันตัวจำเลยที่ถูกคุมขังในศาลได้ (มาตรา 94 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· จำเลย
· ทนายความของจำเลย
· ตัวแทนทางกฎหมาย
· คู่สมรส
· ญาติที่สืบสายเลือดโดยตรง
· พี่น้องแท้ๆ
· สมาชิกในครอบครัว
· เพื่อนร่วมบ้าน
· นายจ้าง
คดีที่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
- ศาลจะอนุญาตให้มีการขอประกันตัว ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ (มาตรา 95 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· หากจำเลยกระทำความผิดซึ่งส่งผลให้เขา/เธอถูกตัดสินประหารชีวิต, จำคุกตลอดชีวิต หรือรับโทษจำคุกระยะยาวหรือจำคุกโดยไม่ใช้แรงงานเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
· หากจำเลยกระทำความผิดสะสมหรือเป็นผู้กระทำผิดจนติดเป็นนิสัย
· หากมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยทำลายหรืออาจทำลายหลักฐาน
· หากมีเหตุผลสมควรที่จะเชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยหลบหนีหรืออาจหลบหนีได้
· หากผู้ต้องสงสัยไม่มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม
· หากมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยได้ทำร้ายหรืออาจทำร้ายบุคคลซึ่งเป็นที่รับรู้ว่า ทราบข้อมูลสำคัญสำหรับการพิจารณาคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับคดี หรือทำร้ายญาติของบุคคลนั้นซึ่งนำไปสู่ความตาย ความเสียหายทางร่างกายหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน
- โดยยกเว้นกรณีข้างต้น ศาลถึงจะตัดสินใจอนุญาตให้จำเลยประกันตัวโดยอำนาจอย่างเป็นทางการหรือตามคำขอของผู้เรียกร้อง หากมีเหตุผลที่สมควร (มาตรา 96 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
เงื่อนไขการประกันตัว
เมื่ออนุญาตให้ประกันตัวแล้ว ศาลจะกำหนดว่าให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขใดๆ มากกว่าหนึ่งเงื่อนไขด้านล่างนี้ หากจำเป็นและสมเหตุสมผล (มาตรา 98 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· จำเลยจะต้องส่งคำสาบานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะเข้าร่วมการพิจารณาคดีตามวันและสถานที่ที่ศาลกำหนดและจะไม่ทำลายหลักฐาน
· จำเลยต้องยื่นข้อตกลงยืนยันคำมั่นสัญญาของเขา/เธอที่จะจ่ายเงินจำนวนเท่ากับเงินค้ำประกันที่ศาลกำหนด
· จำเลยจะต้องอาศัยอยู่ ณ สถานที่ที่ศาลกำหนดเท่านั้น หากจะเปลี่ยนที่อยู่อาศัย จำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลและอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการหลบหนี
· จำเลยจะต้องไม่ทำอันตรายแก่เหยื่อจนถึงแก่ชีวิตหรือทำร้ายร่างกาย รวมถึงบุคคลที่เป็นที่รับรู้ว่าทราบข้อมูลสำคัญสำหรับการพิจารณาคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับคดี หรือญาติของเหยื่อ/พยาน หรือต้องไม่ทำให้ทรัพย์สินของพวกเขาเสียหาย นอกจากนี้ จำเลยจะต้องไม่เข้าไปหาเหยื่อหรือบุคคลดังกล่าว เช่น ไปเยี่ยมบ้านหรือที่ทำงานของเขา/เธอ
· จำเลยจะต้องยื่นหนังสือรับรองว่าจะเข้าร่วมการพิจารณาคดีซึ่งจัดทำขึ้นโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่จำเลย
· จำเลยให้คำมั่นว่าจะไม่เดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
· จำเลยจะต้องชำระเงินวางทรัพย์หรือจ่ายเงินค้ำประกันเทียบเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องวางทรัพย์ ผ่านวิธีการที่ศาลกำหนดเพื่อให้เหยื่อได้รับสิทธิชดเชย
· จำเลยหรือบุคคลที่ศาลเสนอชื่อจะต้องจ่ายเงินประกันหรือมอบหลักทรัพย์
· สุดท้ายนี้ จำเลยจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่เหมาะสมอื่นๆ ที่กำหนดโดยศาล เพื่อรับประกันว่าเขา/เธอจะมาปรากฏตัวตามกำหนด
- ศาลจะพิจารณาเรื่องต่อไปนี้ เมื่อกำหนดเงื่อนไขการประกันตัว (มาตรา 99 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· ลักษณะทั่วไปและพฤติการณ์ของอาชญากรรม
· น้ำหนักในการพิสูจน์หลักฐาน
· ประวัติอาชญากรรม บุคลิกภาพ สิ่งแวดล้อม และทรัพย์สินของจำเลย
· สถานะภายหลังจำเลยกระทำความผิด เช่น การชดใช้ค่าเสียหายแก่เหยื่อ เป็นต้น
การดำเนินการประกันตัว
- เงื่อนไขสำหรับการประกันตัวดังต่อไปนี้ จะต้องมีการปฏิบัติตามเพื่อให้ศาลพิจารณาและดำเนินการอนุญาตให้มีการประกันตัว หากเห็นว่าจำเป็น ศาลอาจตัดสินใจดำเนินการยินยอมให้ประกันตัว หลังจากปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆ แล้ว (มาตรา 100 วรรค 1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· จำเลยจะต้องส่งคำสาบานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะเข้าร่วมการพิจารณาคดีตามวันและสถานที่ที่ศาลกำหนดและจะไม่ทำลายหลักฐาน
· จำเลยต้องยื่นข้อตกลงยืนยันคำมั่นสัญญาของเขา/เธอที่จะจ่ายเงินจำนวนเท่ากับเงินค้ำประกันที่ศาลกำหนด
· จำเลยจะต้องยื่นหนังสือรับรองว่าจะเข้าร่วมการพิจารณาคดีซึ่งจัดทำขึ้นโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่จำเลย
· จำเลยจะต้องชำระเงินวางทรัพย์หรือจ่ายเงินค้ำประกันเทียบเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องวางทรัพย์ ผ่านวิธีการที่ศาลกำหนดเพื่อให้เหยื่อได้รับสิทธิชดเชย
· จำเลยหรือบุคคลที่ศาลเสนอชื่อจะต้องจ่ายเงินประกันหรือมอบหลักทรัพย์
- ศาลอาจอนุญาตให้บุคคลนอกเหนือจากผู้ยื่นขอการประกันตัวเป็นผู้จ่ายเงินประกันได้ นอกจากนี้ ยังอาจอนุญาตให้ยื่นหนังสือค้ำประกันซึ่งระบุถึงการชำระเป็นหุ้น พันธบัตร หรือจำนวนเงินค้ำประกันที่เสนอโดยบุคคลนอกเหนือจากผู้ยื่นคำร้องขอประกันตัวเมื่อใดก็ได้ (มาตรา 100 วรรค 2 ถึง 4 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- ศาลอาจขอให้หน่วยงานของรัฐหรือสถาบันสาธารณะอื่นๆ ใช้มาตรการที่เหมาะสมในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับจำเลยที่ถูกปล่อยตัว เพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัวหลังตัดสินใจอนุญาตให้ประกันตัว (มาตรา 100 วรรค 5 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
การแก้ไขหรือยกเลิกเงื่อนไขการประกันตัว
- ศาลอาจตัดสินใจแก้ไขเงื่อนไขการประกันตัวของจำเลยหรือระงับการดำเนินการของรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยใช้อำนาจอย่างเป็นทางการหรือตัดสินตามคำขอของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอประกันตัวได้ (มาตรา 102 วรรค 1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- ในกรณีที่จำเลยกระทำการใดๆ ต่อไปนี้หลังได้รับการประกันตัว ในกรณีนี้ ศาลอาจตัดสินใจยกเลิกคำตัดสินให้ประกันโดยการใช้อำนาจอย่างเป็นทางการหรือตามคำขอของพนักงานอัยการ (ตัวบทหลักของมาตรา 102 วรรค 2 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
· หากจำเลยหลบหนี
· หากมีเหตุผลอันสมควรและเชื่อถือได้ว่า จำเลยหลบหนีไปหรืออาจทำลายหลักฐาน
· หากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธที่จะปรากฏตัวโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหลังจากถูกเรียกตัว
· หากมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยได้ทำร้ายหรืออาจทำร้ายบุคคลซึ่งเป็นที่รับรู้ว่า ทราบข้อมูลสำคัญสำหรับการพิจารณาคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับคดี หรือทำร้ายญาติของบุคคลนั้นซึ่งนำไปสู่ความตาย ความเสียหายทางร่างกายหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน
· หากจำเลยละเมิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนด
※ ในกรณีที่จำเลยละเมิดเงื่อนไขการประกันตัวโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ในกรณีนี้ ศาลอาจปรับไม่เกิน 10 ล้านวอนหรือสั่งลงโทษกักขังจำเลยภายใน 20 วัน (มาตรา 102 วรรค 3 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」) จำเลยอาจยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ได้ในทันที (มาตรา 102 วรรค 4 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- หากการประกันตัวถูกยกเลิก ศาลอาจตัดสินริบเงินประกันหรือหลักทรัพย์บางส่วนหรือทั้งหมด โดยใช้อำนาจอย่างเป็นทางการหรือตามคำร้องของอัยการ (มาตรา 103 วรรค 1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
- ในกรณีที่จำเลยซึ่งได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว ถูกตัดสินจำคุกในคดีอาญาเดียวกันโดยมีเงื่อนไขว่าต้องจ่ายเงินประกันหรือวางหลักทรัพย์ และถูกเรียกตัวให้มาปฏิบัติตามคำพิพากษาที่มีการตัดสิน หากจำเลยปฏิเสธที่จะมาปรากฏตัวหรือหลบหนีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ศาลจะตัดสินให้ยึดเงินประกันหรือหลักทรัพย์บางส่วนหรือทั้งหมด โดยใช้อำนาจอย่างเป็นทางการหรือตามคำร้องขอของอัยการ (มาตรา 103 วรรค 2 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
การประกันตัวสิ้นสภาพ
- เมื่อหมายจับสิ้นสภาพจะส่งผลให้เงื่อนไขการประกันตัวสิ้นสภาพไปด้วยในทันที หากการคุมขังหรือการประกันตัวถูกยกเลิก หรือถ้าการบังคับใช้หมายจับหมดอายุ เงินค้ำประกันหรือหลักทรัพย์ใดๆ ที่ไม่ได้ยึดจะถูกส่งคืนให้จำเลยภายในเจ็ดวันหลังจากมีการยื่นคำร้อง (มาตรา 104 และมาตรา 104-2 วรรค 1 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」)
※ ความแตกต่างระหว่าง “การประกันตัว” และ “การระงับการคุมขัง”
“การระงับการคุมขัง” หมายถึง การที่ศาลกำหนดให้จำเลยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของญาติ, องค์กรคุ้มครอง หรือบุคคลที่เหมาะสมอื่นๆ หากมีเหตุผลอันสมควร ศาลอาจประกาศการจำกัดที่อยู่อาศัยของจำเลย เพื่อระงับการกักขังดังกล่าว (มาตรา 101 「ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความอาญา」) เงื่อนไขนี้แตกต่างจาก “ระบบการประกันตัว” เนื่องจากไม่ต้องชำระเงินค้ำประกัน
< แหล่งข้อมูล: ศัพท์ทางกฎหมายและคดีต่างๆ ที่รวบรวมโดย Ministry of Government Legislation และสถาบันวิจัยกฎหมายแห่งเกาหลี, 2003 >