การกักตัวผู้ป่วยโรคติดต่อ
ผู้ป่วยโรคติดต่อทั่วไป
- ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลี ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ ผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัด หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต จะต้องดำเนินการบางประการที่จำเป็น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อของโรคติดต่อเมื่อมีการแพร่ระบาด ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อโรคติดต่อจะปฏิบัติตามมาตรการการกักตัวในสถานที่เหมาะสมภายในช่วงเวลาที่กำหนด (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 47 ข้อ 3).
- บุคคลที่ฝ่าฝืนมาตรการข้างต้นจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 10 ล้านวอน (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 79-3 ข้อ 5).
สถานที่กักกันโรค
- ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีสามารถดำเนินการตามรายละเอียดทุกข้อหรือบางข้อดังต่อไปนี้กับผู้ที่ติดเชื้อหรือผู้ที่น่าสงสัยว่ามีอาการติดเชื้อโรคติดต่อ ยานพาหนะขนส่งหรือสัมภาระที่เป็นตัวแพร่เชื้อ ยานพาหนะขนส่งหรือสัมภาระที่น่าสงสัยว่าเป็นตัวแพร่เชื้อ ยานพาหนะขนส่งหรือสัมภาระที่น่าสงสัยว่าเป็นแบบสื่อกลางของโรคติดต่อ เพื่อป้องกันการเข้ามาและการแพร่กระจายของโรคติดต่อ (「พระราชบัญญัติการกักกันโรค」 มาตรา 15 วรรค 1, มาตรา 2 ข้อ 5 「พระราชบัญญัติการใช้การกักกันโรค」 มาตรา 10).
· การกักตัวผู้ป่วยโรคติดต่อ ผู้ป่วยที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อ และผู้แพร่เชื้อ (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้ป่วยโรคติดต่อ ฯลฯ”)
· เฝ้าระวังหรือกักตัวผู้ที่สัมผัสกับโรคติดต่อ หรือผู้ที่สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงของโรคติดต่อดังต่อไปนี้
√ ผู้ที่นั่งยานพาหนะขนส่งเดียวกับผู้ป่วยของการกักกันโรคติดต่อ ฯลฯ
√ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้ป่วยของการกักกันโรคติดต่อ ฯลฯ ในช่วงเวลาที่น่าสงสัยในการติดเชื้อโรคติดต่อ
· ฆ่าเชื้อ กำจัด หรือห้ามเคลื่อนย้ายสัมภาระที่แพร่เชื้อการปนเปื้อนหรือสงสัยว่ามีการปนเปื้อนเชื้อโรค
· ฆ่าเชื้อ สั่งห้ามใช้ หรือจำกัดสถานที่ที่แพร่เชื้อการปนเปื้อนหรือสงสัยว่ามีการปนเปื้อนเชื้อโรค
· ตรวจยานพาหนะหรือสัมภาระการขนส่งที่เห็นชอบว่ามีความจำเป็นต้องตรวจสอบสถานะการปนเปื้อนของเชื้อโรคติดต่อ
· ออกคำสั่งให้หัวหน้าฝ่ายยานพาหนะขนส่ง ผู้ครอบครองสัมภาระ หรือผู้จัดการฆ่าเชื้อยานพาหนะหรือสัมภาระการขนส่งที่เป็นสื่อกลางของโรคติดต่อหรือน่าสงสัยว่าเป็นสื่อกลางของโรคติดต่อเพื่อกำจัดสื่อกลางของโรคติดต่อ
· การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ผู้ที่มีความจำเป็นต้องป้องกันโรคติดต่อ
- ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีจะต้องกักตัวผู้ป่วยโรคติดต่อ ฯลฯ จะต้องกักตัวในสถานที่ดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติการกักกันโรค」 มาตรา 16 วรรค 1 เนื้อหา).
· สถานที่อำนวยความสะดวกที่จัดการโดยสถานที่กักตัวโดยมีผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคเป็นผู้กำหนด
· สถาบันควบคุมโรคติดต่อ สถานกักตัว·สถานพักฟื้น หรือคลินิกตาม「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 36 หรือมาตรา 37
· บ้านของตนเอง
· โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคติดต่อตาม「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 8(2)
· กรณีไม่มีที่อยู่อาศัยภายในประเทศ สถานที่อำนวยความสะดวกที่กำหนดโดยผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลี
※ อย่างไรก็ตาม กรณีการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนในระดับต่ำ ฯลฯ โดยมีผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีเป็นผู้กำหนด สามารถละเว้นจากการกักตัวได้ (「พระราชบัญญัติบังคับใช้การกักกันโรค」 มาตรา 16 วรรค 1 ที่มา).
- เมื่อผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีพบผู้ป่วยโรคติดต่อ ฯลฯ จำนวนมาก และในกรณีสถานที่กักตัว หรือสถาบันควบคุมโรคติดต่อ ฯลฯ ไม่เพียงพอ ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีจะต้องติดตั้งและใช้งานสถานที่อำนวยความสะดวกดังต่อไปนี้เป็นการชั่วคราว (「พระราชบัญญัติการกักกันโรค」 มาตรา 16 วรรค 2 และ 「พระราชบัญญัติบังคับใช้การกักกันโรค」 มาตรา 14).
· พื้นที่พิเศษที่จัดแยกจากภายในสถานที่กักกันโรค
· ยานพาหนะขนส่งที่พบผู้ป่วยของการกักกันโรคติดต่อ ฯลฯ
· สถานที่อำนวยความสะดวกภายในพื้นที่กักกันโรค เช่น สนามบินนานาชาติและอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ฯลฯ ที่กำหนดโดยการหารือกับผู้อำนวยการองค์การการปกครองที่เกี่ยวข้อง
· ที่พักที่อำนวยความสะดวกที่สามารถติดตั้งสถานพยาบาลชั่วคราวและการกักตัวได้ ซึ่งกำหนดโดยการหารือระหว่างผู้อำนวยการองค์การการปกครองที่เกี่ยวข้อง และผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัด หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต (หมายถึง นายกเทศมนตรีเขตปกครองตนเอง) ฯลฯ
- ผู้อำนวยการการกักกันโรคสามารถเรียกขอการกักตัวตาม「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 49 วรรค 1 หรือเฝ้าระวังบุคคลที่สัมผัสกับผู้ป่วยโรคติดต่อ หรือบุคคลที่เป็นสาเหตุการแพร่เชื้อหลังจากเข้าประเทศ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ·นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ·นายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตของพื้นที่ที่พักอาศัย (「พระราชบัญญัติการกักกันโรค」 มาตรา 17 วรรค 1)
สถาบันศึกษา ฯลฯ
- สถานรับเลี้ยงเด็ก
· ผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กจะต้องสั่งให้กักตัวเด็กเล็กและผู้อาศัยอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ เมื่อพบเจ้าหน้าที่ดูแลเด็กติดโรคสามารถใช้มาตรการที่จำเป็น เช่น สั่งพักงาน หรือปลดออกจากตำแหน่งได้ทันทีที่สงสัยว่ามีการติดโรคติดต่อหรือน่าสงสัย (「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 32 วรรค 2 และ 「พระราชบัญญัติการบังคับใช้ให้ดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 33 วรรค 5).
√ บุคคลที่มีผลการตรวจสุขภาพหรือผลวินิจฉัยจากแพทย์ต่าง ๆ ว่าติดเชื้อ น่าสงสัย หรือคาดว่าจะติดโรคติดต่อตาม 「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 31
√ ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อโรคติดต่อตาม「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 2 ข้อ 15(2)
- โรงเรียนอนุบาล
· กรณีสถาบันแนะแนวและอบรม (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกรณีเป็นโรงเรียนอนุบาลรัฐบาล ผู้อำนวยการด้านการศึกษากรณีเป็นโรงเรียนอนุบาลสาธารณะ·เอกชน ต่อไปนี้เรียกว่า “สถาบันที่ควบคุมดูแล”) เห็นชอบว่าการศึกษาไม่สามารถดำเนินการไปได้อย่างปกติเนื่องจากเหตุฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติ สามารถสั่งให้ปิดโรคเรียนชั่วคราวต่อผู้อำนวยการ ซึ่งผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจะต้องปิดโรงเรียนชั่วคราวโดยทันที (「พระราชบัญญัติการศึกษาของเด็ก」 มาตรา 31 วรรค 1·วรรค 2).
· สถาบันที่ควบคุมดูแลสามารถดำเนินการปิดโรงเรียนกรณีไม่ปิดโรงเรียนตามคำสั่งข้างต้น หรือมีเหตุผลพิเศษที่เร่งด่วน (「พระราชบัญญัติการศึกษาของเด็ก」 มาตรา 31 วรรค 3).
· สำหรับโรงเรียนอนุบาลข้างต้นที่ถูกสั่งปิดชั่วคราว การเดินทางมาโรงเรียนเพื่อรับการศึกษาของเด็กจะถูกหยุดระงับทั้งหมด ยกเว้นงานธุรการทั่วไปตลอดระยะเวลาการปิดชั่วคราว (「พระราชบัญญัติการศึกษาของเด็ก」 มาตรา 31 วรรค 4).
- โรงเรียนประถมศึกษา·มัธยมศึกษาตอนต้น·มัธยมศึกษาตอนปลาย
· กรณีสถาบันแนะแนวและอบรม (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกรณีเป็นโรงเรียนรัฐบาล ผู้อำนวยการด้านการศึกษากรณีเป็นโรงเรียนสาธารณะ·เอกชน ต่อไปนี้เรียกว่า “สถาบันที่ควบคุมดูแล”) เห็นชอบว่าการศึกษาไม่สามารถดำเนินการไปได้อย่างปกติเนื่องจากเหตุฉุกเฉิน เช่น ภัยพิบัติ ซึ่งผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจะต้องปิดโรงเรียนชั่วคราวโดยทันที (「พระราชบัญญัติการศึกษาของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา」 มาตรา 64 วรรค 1·วรรค 2).
· สถาบันที่ควบคุมดูแลสามารถดำเนินการปิดโรงเรียนกรณีไม่ปิดโรงเรียนตามคำสั่งข้างต้น หรือมีเหตุผลพิเศษที่เร่งด่วน (「พระราชบัญญัติการศึกษาของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา」 มาตรา 64 วรรค 3).
· สำหรับโรงเรียนข้างต้นที่ถูกสั่งปิดชั่วคราว การเดินทางมาโรงเรียนเพื่อรับการศึกษาของนักเรีบนจะถูกหยุดระงับทั้งหมด ยกเว้นงานธุรการทั่วไปตลอดระยะเวลาการปิดชั่วคราว (「พระราชบัญญัติการศึกษาของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา」 มาตรา 64 วรรค 4).
· เมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินหรือสถานการณ์เร่งด่วนอื่น ๆ ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถหยุดการปิดโรงเรียนชั่วคราว และในกรณีนี้จะต้องรายงานต่อสถาบันที่ควบคุมดูแลโดยทันที (「พระราชบัญญัติการศึกษาของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา」 มาตรา 47 วรรค 2·3).
ห้องพักคุมขัง ฯลฯ
- การคุมขังและกักตัวของเด็กหรือเยาวชนผู้กระทำผิด
· เมื่อผู้อำนวยการสถานพินิจหรือหัวหน้ากรรมการสถานพินิจ (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้อำนวยการ”) พบโรคติดต่อหรือมีความกังวลเกี่ยวกับโรคติดต่อ จะต้องดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม (「พระราชบัญญัติการปฏิบัติต่อเด็กหรือเยาวชนผู้กระทำผิด ฯลฯ」 มาตรา 21 วรรค 1).
· เมื่อเด็กหรือเยาวชนผู้กระทำผิด ฯลฯ ติดเชื้อโรคติดต่อ ผู้อำนวยการจะต้องคุมขังและกักตัวแยกโดยทันที และดำเนินมาตรการฉุกเฉินที่จำเป็น (「พระราชบัญญัติการปฏิบัติต่อเด็กหรือเยาวชนผู้กระทำผิด ฯลฯ」 มาตรา 21 วรรค 2).
- การกักตัวผู้ต้องขัง
· กรณีสงสัยว่าผู้ต้องขังจะติดโรคติดต่อ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน (ต่อไปนี้เรียกว่า “ผู้กำกับการ”) จะต้องคุมขังผู้ต้องขังดังกล่าวอย่างน้อย 1 อาทิตย์และฆ่าเชื้อสิ่งของส่วนตัวของผู้ต้องขัง (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้ว่าด้วยการลงโทษและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง」 มาตรา 53 วรรค 1).
· กรณีผู้ต้องขังติดโรคติดต่อ ผู้กำกับการจะต้องคุมขังและกักตัวผู้ต้องขังรายนั้น และฆ่าเชื้อสิ่งของและอุปกรณ์ที่ผู้ต้องขังใช้โดยละเอียด (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้ว่าด้วยการลงโทษและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง」 มาตรา 53 วรรค 3)
· ผู้กำกับการจะต้องรายงานความจริงดังกล่าวต่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมโดยทันที และจะต้องแจ้งต่อหัวหน้าสถาบันอนามัยที่ดูแลอยู่ (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้ว่าด้วยการลงโทษและการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง」 มาตรา 53 วรรค 4)
- การกักตัวผู้ป่วยที่เป็นผู้กระทำผิดชาวต่างชาติ
· กรณีแพทย์ผู้รับผิดชอบได้รับการวินิจฉัยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องกักตัวผู้กระทำผิดชาวต่างชาติเนื่องจากโรคติดต่อ ฯลฯ จะต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมกับผู้กระทำผิดชาวต่างชาติ กรอกเอกสารวินิจฉัยและรายงานต่ออธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าสาขาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้จัดการสาขาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือผู้อำนวยการศูนย์คุมขังชาวต่างชาติ (ต่อไปนี้เรียกว่า “อธิบดี”) (「กฎการคุ้มครองผู้กระทำผิดชาวต่างชาติ」 มาตรา 7 วรรค 4).
· เมื่อชาวต่างชาติติดเชื้อโรคติดต่อ หรือสงสัยว่าผู้กระทำผิดชาวต่างชาติติดโรคติดต่อ อธิบดี ฯลฯ จะต้องรายงานต่อหัวหน้าสถานีอนามัยหลังจากที่รีบนำตัวผู้กระทำผิดชาวต่างชาติไปคุมขังและกักตัวแยกโดยทันที (「กฎการคุ้มครองผู้กระทำผิดชาวต่างชาติ」 มาตรา 22 วรรค 1).
ข้อจำกัดของผู้ป่วยโรคติดต่อ
การห้ามและระงับการเข้าออกประเทศ
- เมื่อผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีเห็นชอบว่ามีความเสี่ยงในการเกิดอันตรายด้านสาธารณสุข สามารถเรียกขอต่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมให้มีการห้ามหรือระงับการเข้าออกประเทศของบุคคลดังต่อไปนี้ อย่างไรก็ตาม การร้องขอให้ห้ามหรือระงับเข้าประเทศจะสามารถทำได้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น (「พระราชบัญญัติการกักกันโรค」 มาตรา 24).
· ผู้ป่วยของการกักกันโรคติดต่อ ฯลฯ
· ผู้สัมผัสโรคติดต่อ
· ผู้สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงของโรคติดต่อ
· ผู้ที่เข้าประเทศจากพื้นที่จัดการการกักกันโรค ฯลฯ หรือผู้ที่เข้าประเทศโดยการแวะผ่านพื้นที่ดังกล่าว
การห้ามขึ้นเครื่อง
- ผู้ครอบครองเรือจะไม่สามารถให้ลูกเรือที่มีความเสี่ยงจากบรรดาบุคคลที่เป็นโรคต่าง ๆ ที่กำหนดโดย「พระราชบัญญัติการบังคับใช้เรือ」ขึ้นเรือ(「พระราชบัญญัติเรือ」 มาตรา 82 วรรค 3).
การห้ามขึ้นรถไฟโดยสาร
- ผู้โดยสารที่เป็นผู้ติดเชื้อโรคติดต่อตามกฎหมายจะไม่สามารถขึ้นรถไฟโดยสารได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับทางรถไฟ (「พระราชบัญญัติความปลอดภัยทางรถไฟ」 มาตรา 47 วรรค 1 ข้อ 7 และ 「พระราชบัญญัติการบังคับใช้ว่าด้วยความปลอดภัยทางรถไฟ」 มาตรา 80 ข้อ 2).
- บุคคลที่ฝ่าฝืนข้างต้นจะมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนวอน (「พระราชบัญญัติความปลอดภัยทางรถไฟ」 มาตรา 82 วรรค 5 ข้อ 2).
ห้ามขึ้นเรือ
- ผู้ประกอบการทางเรือ ลูกเรือ และพนักงานต่าง ๆ ไม่สามารถให้ผู้ป่วยโรคติดต่อเช่าเรือ หรือช่วยให้ได้ลงเรือโดยเด็ดขาด (「พระราชบัญญัติธุรกิจเรือเดินทะเลและเรือเฟอร์รี่」 มาตรา 12 วรรค 5 ข้อ 1 และ มาตรา 18 วรรค 2 ข้อ 1).
การห้ามเจาะเลือดผู้ป่วยโรคติดต่อ
- ธนาคารเลือดห้ามทำการเจาะเลือดให้แก่ผู้ป่วยโรคติดต่อหรือบุคคลที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขภาพโดยเด็ดขาด (「พระราชบัญญัติการจัดการโลหิต」 มาตรา 7 วรรค 2).
※ อย่างไรก็ตาม ผู้บริจาคเลือดเองสามารถเจาะเลือดได้เมื่อมีการปลูกถ่ายเลือดให้กับตนเอง (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การจัดการโลหิต」 มาตรา 7 ที่มา).
- บุคคลที่ฝ่าฝืนข้างต้นจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 20 ล้านวอน (「พระราชบัญญัติการจัดการโลหิต」 มาตรา 19 ข้อ 3).
การจำกัดชั่วคราวบางส่วนของการทำงาน
- ผู้ป่วยโรคติดต่อ ฯลฯ ที่กำหนดตามกฎกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพดังต่อไปนี้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสติดต่อบุคคลทั่วไปจำนวนมาก และห้ามมิให้ผู้ใดจ้างผู้ป่วยโรคติดต่อให้ปฏิบัติงานดังกล่าว (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 45 วรรค 1 และ 「พระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 33 วรรค 2).
· อาชีพด้านบริการจัดเตรียมอาหารตาม「พระราชบัญญัติสุขาภิบาลอาหาร」 มาตรา 2 ข้อ 12
· อาชีพธุรกิจบริการอาหารตาม「พระราชบัญญัติสุขาภิบาลอาหาร」 มาตรา 36 วรรค 1 ข้อ 3
- บุคคลที่ฝ่าฝืนโดยเลือกลูกจ้างทำงานที่สัมผัสผู้คนมากมายหรือผู้ป่วยโรคติดต่อ ฯลฯ จะมีโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านวอน (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 80 ข้อ 6).
- ผู้ป่วยโรคติดต่อที่ตรงตามดังต่อไปนี้ จะถูกจำกัดการทำงานชั่วคราวจนถึงวันที่หายจากการเป็นโรค (「พระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 33 วรรค 1).
· อหิวาตกโรค
· โรคไทฟอยด์
· รากสาดเทียม
· โรคบิดจากเชื้อชิเกลลา
· โรคติดเชื้ออีโคไล
· ไวรัสตับอักเสบ A
การจำกัดสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำมาหากิน ฯลฯ
- เมื่อมีความกังวลว่าจะเกิดอันตรายด้านสุขอนามัยเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคติดต่อ ฯลฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ ผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัด หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต สามารถจำกัดการใช้งานทั้งหมดหรือบางส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับ หรือการติดตั้งและผู้จัดการ (「พระราชบัญญัติการทำมาหากิน ฯลฯ」 มาตรา 30 ข้อ 1).
การห้ามและจำกัดการทำงานของผู้ป่วยเป็นโรค
- นายจ้างจะต้องห้ามหรือจำกัดการทำงานตามการวินิจฉัยของแพทย์สำหรับบุคคลที่ป่วยเป็นโรคติดต่อ (「พระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย」 มาตรา 138 วรรค 1).
- แรงงานที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำงานหรือจำกัดการทำงานตามข้างต้น จะได้รับอนุญาตให้ทำงานโดยทันทีเมื่อหายจากอาการป่วย (「พระราชบัญญัติความปลอดภัยและอาชีวอนามัย」 มาตรา 138 วรรค 2).