การฉีดวัคซีนป้องกันโรค
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคคืออะไร
- การฉีดวัคซีนป้องกันโรค แบ่งออกเป็นวัคซีนบังคับ วัคซีนแบบชั่วคราว และวัคซีนแบบอื่น ๆ
· วัคซีนบังคับ คือ การฉีดวัคซีนที่รัฐสนับสนุน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตจะต้องเป็นผู้ดำเนินการฉีดวัคซีนที่จำเป็น (ต่อไปนี้เรียกว่า “วัคซีนบังคับ”) ของโรคดังต่อไปนี้ผ่านสถานีอนามัยและสถาบันการแพทย์ (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 24 วรรค 1·วรรค 2, 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3 และ 「การกำหนดโรคติดต่อที่ต้องฉีดวัคซีนแบบจำเป็น」 มาตรา 1).
คุณสมบัติโรคติดต่อ
|
คุณสมบัติการฉีดวัคซีน
|
ช่วงเวลาการฉีด
|
วัณโรค (BCG, การฉีดวัคซีนทางผิวหนัง)
|
ทารกทุกคน
|
ภายใน 4 สัปดาห์หลังคลอด
|
ไวรัสตับอักเสบ B
|
ทารกทุกคน
|
ฉีดวัคซีนเบื้องต้น 3 ครั้ง เมื่ออายุตรบ 0, 1, 6 เดือน (อย่างไรก็ตาม กรณีร่างกายของแม่ลูกอ่อนมีผลแอนติเจน (HBsAg) ไวรัสตับอักเสบ B เป็นบวก ทารกควรฉีดวัคซีนอิมมูโนโกลบูลิน (HBIG) และไวรัสตับอักเสบ B ครั้งที่ 1 ที่คนละส่วนของร่างกายภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด)
|
โรคคอตีบ
|
ทารกทุกคน
|
- ฉีดวัคซีนเบื้องต้น 3 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2, 4, 6 เดือน - ฉีดวัคซีนกระตุ้นอย่างละ 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 15-18 เดือน และ 4-6 ปี - ฉีดวัคซีน Tdap หรือ Td 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 11-12 ปี ※ สามารถฉีดวัคซีนเบื้องต้นได้ทั้งหมด 3 ครั้งและฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 4-6 ปีด้วยวัคซีนผสม DTap-IPV เป็นวัคซีนคอมโบได้ ※ เมื่อฉีดวัคซีนเบื้องต้นเป็นวัคซีน DTaP เพียงอย่างเดียวหรือวัคซีนผสม DTaP-IPV เป็นวัคซีนคอมโบ แนะนำให้ฉีดวัคซีนที่มีผู้ผลิตรายเดียวกัน
|
บาดทะยัก
|
ทารกทุกคน
|
- ฉีดวัคซีนเบื้องต้น 3 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2, 4, 6 เดือน - ฉีดวัคซีนกระตุ้นอย่างละ 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 15-18 เดือน และ 4-6 ปี - ฉีดวัคซีน Tdap หรือ Td 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 11-12 ปี ※ สามารถฉีดวัคซีนเบื้องต้นได้ทั้งหมด 3 ครั้งและฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 4-6 ปีด้วยวัคซีนผสม DTap-IPV เป็นวัคซีนคอมโบได้ ※ เมื่อฉีดวัคซีนเบื้องต้นเป็นวัคซีน DTaP เพียงอย่างเดียวหรือวัคซีนผสม DTaP-IPV เป็นวัคซีนคอมโบ แนะนำให้ฉีดวัคซีนที่มีผู้ผลิตรายเดียวกัน
|
โรคไอกรน
|
ทารกทุกคน
|
- ฉีดวัคซีนเบื้องต้น 3 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2, 4, 6 เดือน - ฉีดวัคซีนกระตุ้นอย่างละ 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 15-18 เดือน และ 4-6 ปี - ฉีดวัคซีน Tdap หรือ Td 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 11-12 ปี ※ สามารถฉีดวัคซีนเบื้องต้นได้ทั้งหมด 3 ครั้งและฉีดวัคซีนกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 4-6 ปีด้วยวัคซีนผสม DTap-IPV เป็นวัคซีนคอมโบได้ ※ เมื่อฉีดวัคซีนเบื้องต้นเป็นวัคซีน DTaP เพียงอย่างเดียวหรือวัคซีนผสม DTaP-IPV เป็นวัคซีนคอมโบ แนะนำให้ฉีดวัคซีนที่มีผู้ผลิตรายเดียวกัน
|
โรคโปลิโอ
|
ทารกทุกคน
|
- ฉีดวัคซีนเบื้องต้น 3 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2, 4, 6 เดือน - ฉีดวัคซีนกระตุ้นอย่างละ 1 ครั้ง เมื่ออายุครบ 15-18 เดือน และ 4-6 ปี ※ สามารถฉีดวัคซีนโปลิโอด้วยวัคซีนรวม DTap-IPV ※ อย่างไรก็ตาม กรณีฉีดวัคซีนเบื้องต้นด้วยวัคซีน DTaP-IPV ต้องฉีดวัคซีนประเภทเดียวกัน
|
ไข้หวัดใหญ่จากเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา ชนิด B (โรคฮิบ)
|
- เด็กเล็กอายุ 2-59 เดือน - เด็กเล็กอายุครบ 5 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อฮิบ (โรคซิกคลีเมีย การตัดม้ามภูมิคุ้มกันลดลงหลังจากเคมีบำบัด มะเร็งเม็ดเลือดขาว การติดเชื้อ HIV โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องทางร่างกาย ฯลฯ) - กรณีเคยเป็นโรคฮิบเมื่ออายุน้อยกว่า 2 ปี
|
- ฉีดวัคซีนเบื้องต้น 3 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2, 4, 6 เดือน - วัคซีนกระตุ้น 1 ครั้งเมื่ออายุครบ 12-15 เดือน
|
โรคปอดบวม
|
- วัคซีนคอนจูเกตโปรตีน (10-valent, 13-valent) ·ทารกและเด็กเล็กที่มีอายุ 2-59 เดือน ・เด็กที่มีอายุ 2 เดือน - 18 ปีที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคปอดบวม - วัคซีนโพลีแซคคาไรด์ ( 23-valent) ・เด็กที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่อายุ 64 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคปอดบวม ・ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
|
- วัคซีนคอนจูเกตโปรตีน (10-valent, 13-valent) : ฉีดวัคซีนพื้นฐาน 3 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2, 4 และ 6 เดือน, ฉีดวัคซีนกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือน ※ ไม่แนะนำให้วัคซีนสลับชนิดระหว่าง 10-valent กับ 13-valent - วัคซีนโพลีแซคคาไรด์ ( 23-valent) - ฉีดวัคซีน 1 ครั้งเมื่ออายุ 65 ปี - หากเป็นไปได้ ควรฉีดวัคซีนล่วงหน้าอย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัดเช่น ผ่าตัดม้าม ผ่าตัดประสาทหูเทียม เคมีบำบัด หรือการบำบัดรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน
|
โรคหัด
|
ทารกทุกคน
|
ฉีดวัคซีน 1 ครั้งเมื่ออายุครบ 12-15 เดือน และ 4-6 ปี
|
โรคคางทูม
|
ทารกทุกคน
|
ฉีดวัคซีน 1 ครั้งเมื่ออายุครบ 12-15 เดือน และ 4-6 ปี
|
โรคหัดเยอรมัน
|
ทารกทุกคน
|
ฉีดวัคซีน 1 ครั้งเมื่ออายุครบ 12-15 เดือน และ 4-6 ปี
|
โรคอีสุกอีใส
|
ทารกทุกคน
|
ฉีดวัคซีน 1 ครั้งเมื่ออายุครบ 12-15 เดือน
|
โรคไข้สมองอักเสบ (วัคซีนชนิดเชื้อตาย)
|
ทารกทุกคน
|
- ฉีดวัคซีน 2 ครั้งเมื่ออายุครบ 12-23 เดือนโดยเว้นระยะห่าง 7-30 วัน และ ฉีดวัคซีนครั้งที่ 3 โดยเว้นระยะห่าง 12 เดือนหลังการฉีดครั้งที่ 2 - ฉีดวัคซีนครั้งที่ 1 เมื่ออายุครบ 6 และ 12 ปี ※ วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ซึ่งได้มาจากเนื้อเยื่อสมองของหนู และวัคซีนเชื้อตายจากเซลล์วีโรจึงไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนสลับชนิดระหว่างทั้ง 2 ชนิด
|
โรคไข้สมองอักเสบ (วัคซีนชนิดเชื้อเป็น)
|
ทารกทุกคน
|
ฉีดวัคซีน 1 ครั้งเมื่ออายุครบ 12~23 เดือน และฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 โดยเว้นระยะห่าง 12 เดือนหลังการฉีดครั้งที่ 1 ※ ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนโรคไข้สมองอักเสบสลับชนิดระหว่างวัคซีนชนิดเชื้อตายและวัคซีนชนิดเชื้อเป็น
|
ไข้หวัดใหญ่
|
- โรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหัวใจเรื้อรัง - ผู้ที่กำลังเข้ารับการรักษา พักฟื้น หรือกักตัวในสถานที่อำนวยความสะดวกแบบกลุ่ม เช่น ศูนย์สวัสดิการสังคม - ผู้ป่วยโรคลมชักเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โรคประสาทและกล้ามเนื้อ โรคเลือดและเนื้องอก โรคเบาหวาน ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ผู้ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน) เด็กที่มีอายุ 6 เดือน - 18 ปีที่กำลังทานยาแอสไพริน - ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป - บุคลากรทางการแพทย์ - ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ และผู้ที่อาศัยอยู่กับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป - ผู้ที่ดูแลทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน - สตรีมีครรภ์ - ประชาชนที่มีอายุ 50-64 ปี - ประชาชนที่มีอายุ 6-59 เดือน - เจ้าหน้าที่องค์กรรับมือโรคซาร์สและโรคไข้หวัดนก - เจ้าหน้าที่ฟาร์มไก่ เป็ด หมู และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
|
ตุลาคม - ธันวาคม
|
โรคไทฟอยด์
|
- ผู้ที่สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับบุคคลที่เป็นพาหะของโรคไทฟอยด์ (สมาชิกในครอบครัว ฯลฯ ) - ผู้ที่เดินทางหรือพำนักอยู่ในพื้นที่ระบาดของโรคไทฟอยด์ - บุคลากรผู้จัดการกับแบคทีเรียไทฟอยด์
|
เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีน 1 ครั้ง ฉีดวัคซีนกระตุ้นทุก 3 ปี (กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 2-5 ปี จะต้องพิจารณาจากภูมิหลังด้านระบาดวิทยา และความเสี่ยงต่อการเป็นไทฟอยด์)
|
โรคไข้เลือดออกรวมกับกลุ่มอาการทางไต
|
- กลุ่มเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสเชื้อไวรัสไข้เลือดออกจากทางไต เช่น ทหารและเกษตรกร ฯลฯ - บุคลากรในห้องปฏิบัติการที่จัดการกับไวรัสไข้เลือดออกหรือหนูทดลอง - ผู้ที่ถูกพิจารณาว่ามีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสแบบส่วนบุคคล เช่น ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยครั้ง ฯลฯ
|
เว้นระยะห่าง 1 เดือนสำหรับฉีดวัคซีน 2 ครั้งและ ฉีดวัคซีน 1 ครั้งโดยเว้นระยะห่าง 12 เดือน
|
ไวรัสตับอักเสบ A
|
- กรณีผู้ใหญ่ในวัย 20-30 ปีที่ไม่เคยฉีดวัคซีน หรือไม่เคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ A - กรณีหากคุณกำลังเดินทางไปต่างประเทศ- (พื้นที่) ที่มีอัตราการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบ A สูง - ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ A - เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการที่จัดการกับเชื้อไวรัสตับอักเสบ A - เจ้าหน้าที่ทหาร บุคลากรทางการแพทย์ และพนักงานบริการอาหาร - ผู้ที่มีปัญหาด้านลิ่มเลือด - ผู้ป่วยโรคลมชักเรื้อรัง - ผู้ที่ติดยา - ชายรักร่วมเพศ
|
หลังจากฉีดวัคซีนครั้งที่ 1 เมื่ออายุครบ 12~23 เดือน,และฉีดครั้งที่ 2 เมื่อผ่านไป 6-12 เดือน (หรือ 6-18 เดือน)
|
โรคแพปพิลโลมาไวรัส
|
- เด็กผู้หญิงที่อายุ 12 ปีบริบูรณ์
|
ฉีด 2 ครั้งหลังจากเว้นระยะห่างไป 6 เดือน
|
การติดเชื้อไวรัสโรต้าชนิด A
|
ทารกอายุ 2 ~6เดือน
|
ฉีดวัคซีนครั้งแรกให้แล้วเสร็จก่อนอายุครบ 15 สัปดาห์ (ฉีดวัคซีนทั้งหมดให้แล้วเสร็จก่อนอายุครบ 8 เดือน)
|
· วัคซีนแบบชั่วคราวจะต้องมีผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตเป็นผู้ดำเนินการฉีดวัคซีนผ่านสถานีอนามัยและสถาบันการแพทย์เมื่อมีกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 25 วรรค 1 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
√ กรณีผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีเรียกขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเพื่อป้องกันโรคติดต่อ
√ กรณีผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตเห็นชอบว่าจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเพื่อป้องกันโรคติดต่อ
· วัคซีนแบบอื่น ๆ คือ วัคซีนที่สามารถฉีดได้ที่สถาบันการแพทย์ที่อยู่นอกเหนือจากการสนับสนุนของรัฐ ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG, การฉีดวัคซีนทางผิวหนัง) โรคจากไวรัสโรตา โรคไข้กาฬหลังแอ่น โรคงูสวัด ฯลฯ
- การเก็บรักษาและรายงานของบันทึกการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
· หากผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตเป็นผู้ดำเนินการฉีดวัคซีนบังคับและวัคซีนแบบชั่วคราว จะต้องกรอกและเก็บรักษารายงานการฉีดวัคซีน ซึ่งรายละเอียดนั้นจะต้องรายงานแต่ละอย่างต่อผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ ผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัดและผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลี (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 28 วรรค 1, 「พระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 23 วรรค 1 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
· หากผู้ที่ไม่ใช่ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตเป็นผู้ดำเนินการฉีดวัคซีน จะต้องกรอกเกี่ยวกับบันทึกการฉีดวัคซีนในรายงานและบันทึกการฉีดวัคซีนป้องกันโรค และจะต้องส่งรายงานและบันทึกการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 28 วรรค 2, 「พระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 23 วรรค 2, เอกสารแนบหมายเลข 17 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
ตรวจสอบสถานะการฉีดวัคซีนครบ
- ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต (หมายถึง นายกเทศมนตรีเขตปกครองตนเอง) สามารถเรียกขอต่อผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นให้ส่งบันทึกการตรวจเกี่ยวกับสถานะการฉีดวัคซีนครบตาม 「พระราชบัญญัติสาธารณสุขโรงเรียน」 มาตรา 10 (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」มาตรา 31 วรรค 1 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
· ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจะต้องรับใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ออกโดยผู้ว่าราชการเมืองปกครองตนเองพิเศษเชจู นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง นายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต (หมายถึง นายกเทศมนตรีเขตปกครองตนเอง) ภายใน 90 วันนับจากวันที่มีนักเรียนเข้าใหม่ และตรวจสอบว่าทุกคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคครบแล้วหรือไม่ จากนั้นจะต้องบันทึกลงในระบบข้อมูลการศึกษา (「พระราชบัญญัติสาธารณสุขโรงเรียน」 มาตรา 10 วรรค 1, 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษเพื่อการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเชจูและจัดตั้งเมืองเสรีนานาชาติ」 มาตรา 9 วรรค 3).
· ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจะต้องชี้แนะนักเรียนใหม่ทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามผลการตรวจข้างต้น ซึ่งหากมีความจำเป็น สามารถเรียกขอความร่วมมือจากหัวหน้าสถานีอนามัยในพื้นที่เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน ฯลฯ (「พระราชบัญญัติสาธารณสุขโรงเรียน」 มาตรา 10 วรรค 2).
- ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตสามารถเรียกขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลตาม「พระราชบัญญัติการศึกษาของเด็ก」และผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กตาม「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」ยื่นขอให้ตรวจสอบใบรับรองการฉีดวัคซีนของเด็กเล็กที่ได้ฉีดวัคซีนบังคับเพื่อเป็นการตรวจสอบสถานะการฉีดวัคซีนของเด็กเล็ก (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 31 วรรค 2, 「พระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 25 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
· ผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กสามารถตรวจสอบความจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคของเด็กเล็กโดยใช้ระบบการจัดการการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปีตาม「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 33(4) (เนื้อหาจาก「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 31-3 วรรค 1 ).
※ อย่างไรก็ตาม กรณีดำเนินการดูแลเด็กเล็กเป็นครั้งแรก จะต้องทำการตรวจสอบภายใน 30 วันนับจากวันที่เริ่มเลี้ยงเด็ก (จาก「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 31-3 วรรค 1).
· ผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กสามารถชี้แนะแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จำเป็นต่อเด็กเล็กที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตามผลยืนยันการฉีดวัคซีนข้างต้น และสามารถร้องขอความร่วมมือ เช่น การสนับสนุนฉีดวัคซีนป้องกันโรค ฯลฯ ต่อหัวหน้าสถานีอนามัยในกรณีจำเป็น (「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 31-3 วรรค 2).
· ผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กจะต้องบันทึกและจัดการเกี่ยวกับสถานะและรายละเอียดการฉีดวัคซีนของเด็กเล็กเพื่อเป็นการตรวจสอบและจัดการสถานะการฉีดวัคซีนของเด็กเล็ก (「พระราชบัญญัติการดูแลเด็กเล็ก」 มาตรา 31-3 วรรค 3).
- ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตจะต้องตรวจสอบการส่งบันทึกผลการตรวจเกี่ยวกับสถานะการฉีดวัคซีนครบ และผลลัพธ์ตามความเป็นจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคของเด็กเล็ก หากมีเด็กเล็กหรือนักเรียนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจะต้องดำเนินการรฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่บุคคลเหล่านั้น (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 31 วรรค 3 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
องค์กรการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
การมอบหมายหน้าที่ของในการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
- หากสถานีอนามัยเกิดความลำบากในการดำเนินการ หรือประชาชนไม่สะดวกที่จะใช้บริการสถานีอนามัย นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตสามารถมอบหมายหน้าที่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่สถาบันการแพทย์ที่กำหนดโดยนายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตดังต่อไปนี้รับผิดชอบ และประกาศแจ้งเกี่ยวกับสถาบันที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 20 วรรค 1 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
· คลินิกตาม「พระราชบัญญัติการแพทย์」 มาตรา 3 วรรค 2 ข้อ 1 หัวข้อ ก.
· สถาบันการแพทย์ระดับโรงพยาบาลตาม「พระราชบัญญัติการแพทย์」 มาตรา 3 วรรค 2 ข้อ 3 (สำหรับโรงพยาบาลทันตกรรมและโรงพยาบาลแพทย์แผนตะวันออก เฉพาะกรณีที่มีการนำแพทย์มาจัดตั้งและดำเนินการรักษาทางการแพทย์เติมตาม「พระราชบัญญัติการแพทย์」 มาตรา 43 วรรค 2)
ข้อมูลสถาบันการฉีดวัคซีนป้องกันโรค
- สถาบันการแพทย์ที่กำหนดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแห่งชาติสำหรับเด็ก (เว็บไซต์ช่วยเหลือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค สถาบันการแพทย์ที่กำหนดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแห่งชาติสำหรับเด็ก)
- สถาบันการแพทย์ที่กำหนดโรคปอดบวมในผู้สูงอายุ (เว็บไซต์ช่วยเหลือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค สถาบันการแพทย์ที่กำหนดโรคปอดบวมในผู้สูงอายุ)
- สถาบันการแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B ในครรภ์ (เว็บไซต์ช่วยเหลือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค สถาบันการแพทย์ที่เข้าร่วมธุรกิจป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B ในครรภ์)
- สถานีอนามัย (เว็บไซต์ช่วยเหลือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค สถานีอนามัย)
- สถาบันการฉีควัคซีนป้องกันโรคที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
โครงการสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแห่งชาติ
โครงการสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแห่งชาติสำหรับเด็ก
- โครงการสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคแห่งชาติสำหรับเด็กเป็นโครงการที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการฉีดวัคซีน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนที่จำเป็นที่โรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อป้องกันโรคติดต่อได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
- หากใช้บริการสถาบันการแพทย์ที่กำหนด สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ทุกที่ทั่วประเทศโดยไม่จำเป็นต้องเป็นสถาบันใกล้ที่พักอาศัย
โครงการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B ในครรภ์
- หากแม่ลูกอ่อนที่เพิ่งคลอดมีผลแอนติเจน (HBsAg) ไวรัสตับอักเสบ B เป็นบวก เป้าหมายการป้องกันโรคไวรัสในครรภ์สำหรับทารกที่มีสิทธิจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อ 90% ขึ้นไปมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการเกิดโรคไวรัวตับอีกเสบ B และโรคตับแข็ง หรือโรคมะเร็งตับ
- เพื่อเป็นการป้องกันครรภ์ติดเชื้อในทารกแรกเกิดจากแม่ลูกอ่อนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ B ตั้งแต่กรกฎาคม ปี 2002 รัฐได้สนับสนุนค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเพื่อให้ทุกคนได้เข้ารับการฉีดอิมมูโนโกลบูลิน วัคซีนไวรัสตับอักเสบ B และตรวจแอนติเจน·แอนติบอดี
- ในระหว่างการตั้งครรภ์ของแม่ลูกอ่อนจะมีการดำเนินการตรวจหาไวรัสตับอักเสบ B หากผลตรวจแอนติเจน (HBsAg) หรือ e แอนติเจน (HBeAg) ออกมาเป็นบวก บุคคลนั้นจะมีสิทธิ์รับการรักษา「ป้องกันการติดโรคไวรัสตับอักเสบ B ในครรภ์」โดยจะต้องส่งผลการตรวจให้แก่สถานที่ทำคลอด และฟังคำอธิบายเกี่ยวกับโครงการ หลังจากนั้น ต้องลงชื่อและส่งเอกสารยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคและการตรวจแอนติเจน·แอนติบอดีจะดำเนินการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกว่าจะสิ้นสุดมาตรการป้องกัน
· กรณีผู้ที่ผลตรวจไวรัสตับอักเสบ B และผู้ที่ขาดแอนติบอดี การฉีดวัคซีนซ้ำและตรวจแอนติเจน·แอนติบอดีสามารถทำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
· กรณีแม่ลูกอ่อนเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบ B การฉีดวัคซีนอิมมูโนโกลบูลิน (HBIG) และไวรัสตับอักเสบ B เข็มที่ 1 ที่ทารกแรกเกิดจะต้องได้ฉีดทันทีหลังคลอดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
· ไวรัสตับอักเสบ B เข็มที่ 2·3 จะต้องฉีดเมื่อเด็กอายุได้ 1 เดือนและ 6 เดือน
· กรณีทารกที่คลอดก่อนกำหนดซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่า 2 กิโลกรัมและมีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ จะต้องฉีดวัคซีน 3 ครั้งเมื่ออายุครบ 1, 2, 6 เดือนโดยไม่รวมการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B เข็มแรกหลังคลอด
· จะต้องรับการตรวจแอนติเจน·แอนติบอดีหลังฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ครั้งที่ 1~3 ครบแล้ว (อายุ 9~15 เดือน)
· หากผลการตรวจแอนติเจน·แอนติบอดี ไวรัสตับอักเสบ B รอบที่ 1 ผู้ที่ขาดแอนติบอดีสามารถฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ซ้ำและตรวจซ้ำอีกครั้งได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
อาการผิดปกติหลังการฉีดวัคซีน
มาตรฐานการรายงานอาการผิดปกติ
- การฉีดวัคซีนป้องกันโรคถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อ อย่างไรก็ตาม วัคซีนป้องกันโรคอาจส่งผลข้างเคียงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ยาต่าง ๆ อาการผิดปกติหลังการฉีดวัคซีนจึงหมายถึง อาการหรือโรคทั้งหมดที่เกิดจากการฉีดวัคซีนซึ่งเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนและเวลา
การชดเชยความเสียหายในการฉีดวัคซีน ฯลฯ
เป้าหมายและมาตรฐานของการชดเชยความเสียหาย
- รัฐจะต้องชดเชยความเสียหายตามมาตรฐานการจ่ายเงินชดเชย กำหนดเวลาที่สมัครและขั้นตอนดังต่อไปนี้ เมื่อผู้ที่ฉีดวัคซีนหรือทานยาสำหรับป้องกัน·รักษาโรค ได้ล้มป่วยหรือกลายเป็นผู้พิการหรือเสียชีวิตเนื่องจากการฉีดวัคซีนหรือทานยาสำหรับป้องกัน·รักษาโรค (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 71 วรรค 1, 「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 29, มาตรา 30 และ 「ประกาศมาตรฐานเกี่ยวกับการชดเชยความพิการ(ทุพพลภาพ) ความเสียหายที่เกิดจากการฉีดวัคซีน ฯลฯ」 มาตรา 3).
· บุคคลที่ได้รับการรักษาโรค
√ ค่ารักษาพยาบาล: ยอดเงินที่ไม่รวมจำนวนเงินที่จ่ายหรือชำระตาม「พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ」โดยผู้ประกันตนจากบรรดาค่ารักษาพยาบาลของโรคที่เกิดความเสียหายจากการฉีดวัคซีน หรือยอดเงินที่ไม่รวมจำนวนเงินที่จ่ายโดยกองทุนสวัสดิการแพทย์ตาม「พระราชบัญญัติการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์」(อย่างไรก็ตาม กรณีได้รับค่าชดเชยชั่วคราวจะไม่มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้).
√ ค่าพยาบาลเฝ้าไข้: 50,000 วอนต่อวัน เฉพาะกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
· บุคคลที่กลายเป็นผู้พิการ
√ ผู้พิการขั้นรุนแรง: 100/100 ของค่าชดเชยชั่วคราวสำหรับผู้ที่เสียชีวิต
√ ผู้พิการขั้นไม่รุนแรงมาก: 55/100 ของค่าชดเชยชั่วคราวสำหรับผู้ที่เสียชีวิต
※ ผู้ที่ไม่ได้รวมอยู่ตามข้างต้น จะต้องได้รับ 10/100 ของค่าชดเชยชั่วคราวสำหรับผู้ที่เสียชีวิต กรณีอยู่ในระดับความพิการหรือระดับความทุพพลภาพที่กำหนดตาม「พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ」 「พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ」 「พระราชบัญญัติค่าชดเชยความเสียหายได้รับบาดเจ็บระหว่างการทำงานของข้าราชการ」และ 「พระราชบัญญัติการประกันค่าชดเชยจากอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรม」 ฯลฯ (อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการจ่ายซ้ำสำหรับค่าชดเชยชั่วคราวของผู้พิการ(ทุพพลภาพ))
· ค่าชดเชยสำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต [คู่สมรส (รวมถึงผู้ที่สมรสโดยพฤตินัย) บุตร บิดามารดา หลาน ปู่ย่าตายาย พี่น้องตามลำดับความสำคัญ]
√ จำนวนเงินที่เทียบเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือนตาม「พระราชบัญญัติค่าจ้างขั้นต่ำ」ในช่วงเวลาที่เสียชีวิตและคูณด้วย 240
√ ค่าจัดงานศพ: 300,000 วอน
- บุคคลที่เป็นโรค พิการ หรือเสียชีวิตที่สามารถรับค่าชดเชยข้างต้นได้ หมายถึง กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการเห็นชอบว่าเป็นผู้ที่ได้รับเสียหายเนื่องจากได้รับการฉีดวัคซีนหรือทานยาสำหรับป้องกัน·รักษาโรคที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานะของความผิดปกติของยาฉีดวัคซีนป้องกันโรค หรือความผิดปกติจากข้อผิดพลาดของผู้ฉีดวัคซีนและผู้ถูกฉีดวัคซีนหรือยาต่าง ๆ (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 71 วรรค 2).
ขั้นตอนการชดใช้ค่าเสียหาย
- บุคคลที่ต้องการสมัครขอค่ารักษาพยาบาลและค่าพยาบาลเฝ้าไข้ จะต้องส่งเอกสารดังต่อไปนี้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษหรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตที่พำนักอยู่ (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 71 วรรค 1 ข้อ 1, 「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 31, 「พระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 47 วรรค 1 และ เอกสารแนบหมายเลข 32 และ 33).
· ใบสมัครค่ารักษาพยาบาลและค่าพยาบาลเฝ้าไข้
· สำเนาใบรับรองแพทย์ 1 ชุด
· เอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครกับตนเอง 1 ชุด (เฉพาะกรณีไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครกับตนเองได้ด้วยสำเนาทะเบียนบ้านหรือทะเบียนครอบครัว)
- ผู้ที่ต้องการสมัครขอค่าชดเชยชั่วคราวหรือค่าจัดงานศพ จะต้องแนบเอกสารดังต่อไปนี้และส่งให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษเซจง หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตที่พำนักอยู่ (「พระราชบัญญัติการป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 71 วรรค 1 ข้อ 2·ข้อ 3, 「พระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายการใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 47 วรรค 2, เอกสารแนบหมายเลข 34 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
การแบ่งประเภท
|
เอกสารแนบ
|
กรณีของค่าชดเชยชั่วคราวของผู้เสียชีวิตและค่าจัดงานศพ
|
• ใบสมัครค่าชดเชยชั่วคราวหรือค่าจัดงานศพ • ใบมรณบัตร • ใบรายงานการชันสูตร(อย่างไรก็ตาม ยกเว้นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้) √ กรณีไม่สามารถดำเนินการชันสูตรศพเนื่องจากเผาศพฯลฯ √ กรณีผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีดำเนินการสอบสวนทางระบาดวิทยา ฯลฯและเห็นชอบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโดยผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตหรือผู้สมัครได้รับการแจ้งดังกล่าวแล้ว • เอกสารพิสูจน์ว่าผู้สมัครยื่นเรื่องขอรับค่าชดเชยเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิต(เฉพาะกรณีไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครกับตนเองได้ด้วยสำเนาทะเบียนบ้านหรือทะเบียนครอบครัว)
|
กรณีค่าชดเชยชั่วคราวของผู้พิการ
|
• ใบสมัครค่าชดเชยชั่วคราวและค่าจัดงานศพ• ใบรับรองแพทย์ที่ออกโดยสถาบันการแพทย์• เอกสารที่พิสูจน์ความสัมพันธ์ของผู้สมัครและตนเอง (เฉพาะกรณีไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครกับตนเองได้ด้วยสำเนาทะเบียนบ้านหรือทะเบียนครอบครัว)
|
- นายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตจะต้องส่งเอกสารที่ได้รับข้างต้น (ต่อไปนี้เรียกว่า “เอกสารเรียกร้องค่าชดเชย”) ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ ผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัด หลังจากดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโดยทันที ผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัดที่ได้รับเอกสารเรียกร้องค่าชดเชยรวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษและนายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษที่ได้รับเอกสารเรียกร้องค่าชดเชยข้างต้น จะต้องยื่นเอกสารเรียกร้องค่าชดเชยพร้อมกับผลการตรวจสอบเบื้องต้นและใบแสดงความคิดเห็นให้แก่ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 31 วรรค 2, 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษเพื่อการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเชจูและจัดตั้งเมืองเสรีนานาชาติ」 มาตรา 9 วรรค 3).
- หลังจากที่ผ่านการพิจารณาโดยการรวบรวมความคิดเห็นของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการชดเชยค่าเสียหายจากการฉีดวัคซีนแล้วว่าต้องจ่ายชดเชยความเสียหายจากการฉีดวัคซีน ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีจะต้องรายงานความจริงดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัด โดยผู้ว่าราชการเมือง·จังหวัด (ยกเว้น ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ) จะต้องรายงานต่อนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขต และผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ นายกเทศมนตรีนครปกครองตนเองพิเศษ หรือนายกเทศมนตรีเมือง·นายอำเภอ·นายกเทศมนตรีเขตที่ได้รับรายงานจะต้องแจ้งเนื้อหาในการตัดสินใจให้ผู้ที่ประสงค์จะรับค่าชดเชย (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 31 วรรค 3 และ 「พระราชบัญญัติพิเศษการก่อตั้งเมืองปกครองตนเองพิเศษเซจง」 มาตรา 8 วรรค 3).
- ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคแห่งเกาหลีจะจ่ายค่าชดเชยตามมาตรฐานการชดเชยใน「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 29 แก่ผู้ที่ได้รับเลือกให้รับค่าชดเชยที่กล่าวไว้ข้างต้น (「พระราชบัญญัติการบังคับใช้การป้องกันและจัดการโรคติดต่อ」 มาตรา 31วรรค 4).