วิธีป้องกันโรคติดต่อในชีวิตประจำวัน
การล้างมือและมารยาทการไอจาม
- การล้างมือที่ถูกต้อง·มารยาทการไอจามเป็นวิธีการพื้นฐานที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อ โดยสามารถป้องกันโรคติดต่อส่วนใหญ่ได้ประมาณ 50~70%.
- วิธีการล้างมืออย่างถูกต้องมีดังต่อไปนี้.
① ถูฝ่ามือทั้งสองข้าง
② ใช้ฝ่ามือถูหลังมือ
③ หันฝ่ามือเข้าหากันและถูมือเข้าหากัน
④ กำนิ้วเข้าด้วยกันแล้วถูมือ
⑤ ใช้ฝ่ามืออีกข้างถูนิ้วโป้ง
⑥ วางนิ้วบนฝ่ามืออีกข้างแล้วถูทำความสะอาดใต้เล็บให้สะอาด
- มารยาทการไอจามมีดังต่อไปนี้.
· ปิดปากและจมูกด้วยทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าเมื่อไอหรือจาม
· หากไม่มีทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้า ให้ใช้แขนเสื้อแทน
· ล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 30 วินาทีหลังไอหรือจาม
วิธีป้องกันโรคติดต่อในการเดินทางไปต่างประเทศ
วิธีป้องกันโรคติดต่อก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ
- ข้อควรระวังของนักเดินทาง
· ตรวจสอบล่วงหน้าก่อนการเดินทางเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงของประเทศที่จะเดินทางไป
· ฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จำเป็น ตรวจยาป้องกันโรคมาลาเรีย หรือยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ฯลฯ ปรึกษากับแพทย์ในกรณีที่จำเป็นก่อนการเดินทาง
√ กรณีจำเป็นต้องฉีดวัคซีน จะต้องเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน
1. การฉีดวัคซีนไข้เหลือง ระยะเวลาของการสร้างแอนติบอดีหลังการฉีดวัคซีนประมาณ 10 วัน และวัคซีน 1 เข็มจะมีระยะป้องกันนาน 10 ปี ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีไข้เหลืองควรฉีดวัคซีน 10 วันก่อนออกเดินทาง
2. โรคอหิวาตกโรคสามารถป้องกันได้โดยดูแลสุขอนามัยส่วนตัวอย่างเข้มงวดและรับประทานอาหารที่ปลอดภัย ส่วนการสร้างภูมิคุ้มกันโดยการฉีดวัคซีน แนะนำให้ฉีดวัคซีนพื้นฐาน 2 เข็ม และวัคซีนกระตุ้น
3. การฉีดวัคซีนโรคไทฟอยด์ มีวัคซีนแบบหยดเข้าทางปากและแบบฉีด วัคซีนแบบหยดเข้าทางปากจะไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย และมีมีประสิทธิภาพป้องกันโรคประมาณ 70% วัคซีนแบบหยดเข้าทางปากมีระยะป้องกันนาน 5 ปี วัคซีนแบบฉีดมีระยะป้องกันนาน 3 ปี
4. สำหรับโรคไข้สมองอักเสบในผู้ใหญ่การป้องกันโรคไข้สมองอักเสบจะไม่สามารถทำได้ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโรค แต่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้แก่เด็กเล็ก กรณีฉีดวัคซีนครั้งแรกจะต้องฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 2 ครั้งเว้นระยะห่าง 1 อาทิตย์ และฉีดเพิ่มอีก 1 เข็มหลังจากฉีดวัคซีนไป 1 ปี สำหรับวัคซีนกระตุ้นจะเริ่มฉีดเมื่ออายุ 6 ปี, 12 ปี การฉีดวัคซีนจะต้องเสร็จสิ้น 10 วันก่อนการเดินทาง
5. การฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า ควรฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าในกรณีเดินทางไปยังต่างจังหวัดและคาดว่าจะมีการสัมผัสกับสัตว์เป็นจำนวนมาก กรณีเดินทางเป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป โดยจะต้องฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 ครั้งที่กล้ามเนื้อไหล่
6. การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ขอแนะนำสำหรับผู้ที่คาดว่าจะมีการสัมผัสใกล้ชิดกับคนท้องถิ่นในแอฟริกาหรือประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ฉีดวัคซีนล่วงหน้า โดยวัคซีนจะมีระยะป้องกันนาน 5 ปี และหลังจาก 5 ปี จะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น
7. การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ผู้ที่ควรจะได้รับการฉีดวัคซีน เช่น ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี, ผู้ป่วยโรคหัวใจ, โรคปอด, เด็กเล็กที่กำลังรับการรักษาด้วยแอสไพริน ฯลฯ โดยจะต้องฉีดวัคซีนปีละ 1 ครั้ง
√ ยาป้องกันโรคมาลาเรียเป็นยาเฉพาะทาง จำเป็นต้องได้รับการจัดยาตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น และควรทานล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์
√ ควรเตรียมยาทานทั่วไป (รวมถึงยาคุมกำเนิด), ยาแก้ปวด, ยาลดไข้, ครีมกันแดด, ยาฆ่าแมลง, ยาปฏิชีวนะ, พลาสเตอร์ใช้แล้วทิ้ง, ถุงยางอนามัย ฯลฯ
วิธีป้องกันโรคติดต่อระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ
- อาหารและน้ำ
· จำเป็นต้องล้างมือด้วยสบู่ก่อนทานอาหาร หากไม่มีสบู่และน้ำสำหรับล้างมือ ให้ใช้เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์ผสมอย่างน้อย 60%
· ดื่มน้ำขวด น้ำต้ม หรือน้ำอัดลมเท่านั้น และระวังงดดื่มน้ำประปา น้ำพุ หรือน้ำแข็ง
· หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ขายข้างทาง
· รับประทานแต่อาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น
· งดรับประทานผลิตภัณฑ์จากนม ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์แล้ว
- ข้อความระวังของผู้เดินทางเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง
· ใช้ยาไล่แมลงที่มีสาร DEET 30~50%
· สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และหมวกเมื่ออยู่กลางแจ้ง
· อยู่ในห้องที่ติดตั้งมุ้งลวดกันแมลงหรือเครื่องปรับอากาศในช่วงเวลาที่มียุงมาลาเรียมาก (ตั้งแต่พลบค่ำถึงรุ่งเช้า)
วิธีป้องกันโรคติดต่อหลังการเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
- กรณีจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจทางการแพทย์
· กรณีเป็นโรคเรื้อรัง (หัวใจล้มเหลว เบาหวาน โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง ฯลฯ)
· กรณีมีไข้ ท้องร่วง อาเจียน ดีซ่าน ปัสสาวะผิดปกติ หรือเป็นโรคผิวหนังภายในหนึ่งสัปดาห์หลังเดินทางกลับเข้าประเทศ
· กรณีคิดว่าสัมผัสกับโรคติดต่อร้ายแรงระหว่างการเดินทาง
· กรณีโดนสัตว์กัดระหว่างการเดินทาง
· กรณีอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาเกิน 3 เดือนขึ้นไป
- กรณีได้รับการรักษาต้านมาเลเรีย
· กรณีอยู่ในประกรณีได้รับการรักษาต้านมาเลเรียก่อนการเดินทาง จะต้องตรวจสอบว่าจะได้รับการรักษาแบบเดิมหลังจากเดินทางกลับมาหรือไม่
· มีกรณีที่ต้องทานยาต้านมาเลเรียต่อหลังจากเดินหทางกลับมา
· โรคมาลาเรียเป็นโรคที่รุนแรง และในบางกรณีอาจทำให้เสียชีวิตได้
· หากมีไข้หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หลังจากกลับจากการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อโรคมาลาเรียหรือพื้นที่ดังกล่าว (จนถึง 1 ปี) ให้ไปพบแพทย์ทันทีและแจ้งเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างประเทศที่ผ่านมา