THAI

- ผู้รับมรดกจะต้องชำระภาษีมรดก (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 3 และ มาตรา 3(2)).

- "ทรัพย์มรดก" หมายถึง ทรัพย์สินทั้งหมดที่เจ้ามรดกครอบครอง ซึ่งรวมถึงสิ่งของและสิทธิดังต่อไปนี้ อย่างไรก็ตาม จะไม่รวมถึงทรัพย์สินทางกายภาพหายไปเนื่องจากการเสียชีวิตของเจ้ามรดก

- “จำนวนการเรียกเก็บภาษีมรดก” หมายถึง จำนวนเงินที่หักออกจากค่าภาษีสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายของงานศพ และหนี้สินจากทรัพย์มรดกก่อน จากนั้นทำการคิดคำนวณโดยบวกจำนวนค่าการให้ทางทรัพย์สินล่วงหน้าและค่าพิจารณาทรัพย์มรดก (กรณีจำนวนเงินที่หักจากค่าภาษีสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายของงานศพ และหนี้สินจากทรัพย์มรดกที่มากกว่าทรัพย์มรดก ซึ่งถือว่ากรณีดังกล่าวเป็นจำนวนเงินของทรัพย์มรดก) (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 13)

- “การคำนวณมาตรฐานการเรียกเก็บภาษีมรดก”หมายถึง จำนวนการเรียกเก็บภาษีมรดกที่หักออกจากค่ามรดก ค่าประเมิน และค่าความเสียหายต่าง ๆ (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 25)

- การคำนวณภาษีมรดกจะคิดตามอัตราภาษีจากการคำนวณมาตรฐานการเรียกเก็บภาษีมรดก (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 26)

- จำนวนเงินทรัพย์สินของทรัพย์มรดกจะถูกประเมินในขณะที่มีการเริ่มรับมรดก (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 60)

- ภาษีที่คำนวณเรียบร้อยแล้วบวกภาษีการโอนมรดกข้ามรุ่นและหักภาษีต่าง ๆ กับยอดรวมการผ่อนชำระภาษีเป็นงวด จะกลายเป็นยอดรวมภาษีที่ต้องชำระด้วยตนเอง

- กรณีผู้รับมรดกเป็นผู้สืบสันดานยกเว้นบุตรของเจ้ามรดก ภาษีการโอนมรดกข้ามรุ่นจะคิดโดยนำภาษีมรดกมาบวกกับร้อยละ 30 (คิดเป็นร้อยละ 40 กรณีผู้รับมรดกเป็นผู้สืบสันดานยกเว้นบุตรของเจ้ามรดกและเป็นผู้เยาว์ได้รับหรือจะได้รับจำนวนมรดกที่มากกว่า 2 พันล้านวอน) ของจำนวนที่คูณด้วยอัตราทรัพย์สินที่ผู้รับมรดกรายนั้นได้รับหรือจะได้รับจากทรัพย์มรดก อย่างไรก็ตาม จะไม่รวมถึงกรณีการรับมรดกแทน (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 27).

- กรณีดังต่อไปนี้สามารถทำการหักภาษีได้

- จำนวนภาษีมรดกสามารถแบ่งชำระได้ทั้งหมด 2 งวดขึ้นไป กล่าวคือสามารถแบ่งชำระเป็น 2 งวด และสามารถแบ่งชำระเป็นระยะยาวได้เช่นกัน

- กรณีที่ในบรรดาทรัพย์มรดกที่ได้รับ จำนวนของอสังหาริมทรัพย์และหลักทรัพย์มีมูลค่ามากกว่า 1/2 ของจำนวนทรัพย์สินทั้งหมดของตนเอง และจำนวนภาษีที่ต้องชำระมากกว่า 20 ล้านวอน จะสามารถใช้อสังหาริมทรัพย์และหลักทรัพย์ที่ได้รับเป็นมรดกชำระเป็นภาษีแทนได้ (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 73)

- ผู้รับมรดกจะต้องรายงานต่อหัวหน้าสำนักงานจัดเก็บภาษีเกี่ยวกับจำนวนมาตรฐานการเรียกเก็บภาษีมรดกภายใน 6 เดือนนับแต่วันสุดท้ายของวันที่เป็นวันครบรอบการเริ่มรับมรดก (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 67 วรรค 1)

- บุคคลที่รายงานภาษีมรดกจะต้องชำระภาษีให้แก่สำนักงานจัดเก็บภาษีและธนาคารแห่งชาติเกาหลีหรือไปรษณีย์ในเขตของตนเองที่ได้ลงทะเบียนชำระภาษีไว้ภายในระยะเวลาที่แจ้ง (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 70)

- กรณีบุคคลที่ต้องชำระภาษีแต่ไม่ได้รายงานเกี่ยวกับมาตรฐานการเรียกเก็บภาษีก่อนระยะเวลาการรายงานตามกฎหมาย (รวมถึงการรายงานล่วงหน้าและการรายงานช่วงกลาง) จะต้องชำระภาษีที่ถูกเพิ่มจำนวนขึ้นโดยการคูณด้วยอัตราตามกรณีดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติภาษีแห่งชาติขั้นพื้นฐาน」มาตรา 47(2) วรรค 1)

- กรณีไม่ได้ชำระภาษีมรดกภายในระยะเวลาที่ต้องชำระภาษีตามกฎหมาย หรือจำนวนเงินไม่เพียงพอ ในกรณีดังกล่าวยอดรวมการชำระภาษีจะถูกปรับเพิ่มขึ้นตามจำนวนที่ขาดการชำระ (「พระราชบัญญัติภาษีแห่งชาติขั้นพื้นฐาน」มาตรา 47(5) วรรค 1)

- กรณีมีผู้รับมรดกหลายราย ผู้รับมรดกแต่ละรายจะต้องชำระภาษีตามอัตราของทรัพย์มรดกที่ผู้รับมรดกแต่ละคนได้รับ (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 3(2) วรรค 1)

- อย่างไรก็ตาม ผู้รับมรดกร่วมมีหน้าที่ชำระภาษีมรดกที่ได้รับในส่วนของตนเอง และหากมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งในบรรดาผู้รับมรดกร่วมไม่ชำระภาษีมรดกความรับผิดชอบดังกล่าวจะตกเป็นของผู้รับมรดกร่วมรายอื่นที่เหลือ (「พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกและภาษีการให้」มาตรา 3(2) วรรค 3)

- นอกจากนี้ กรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งในบรรดาผู้รับมรดกร่วมชำระภาษีมรดกทั้งหมดแล้ว ไม่ได้หมายความว่าผู้รับมรดกร่วมที่เหลือจะไม่ต้องชำระค่าภาษีการให้ซึ่งเป็นยอดจำนวนภาษีมรดกที่ผู้รับมรดกร่วมยังไม่ได้ชำระ