การแบ่งทรัพย์มรดก
ทรัพย์มรดกจะแบ่งตามทรัพย์สินของผู้รับมรดกรายบุคคล
- ผู้รับมรดกร่วมจะสืบทอดสิทธิและหน้าที่ของเจ้ามรดกโดยการเริ่มรับมรดก ซึ่งทรัพย์มรดกนั้นจะเป็นการถือครองร่วมกันของผู้รับมรดกร่วม (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1007 และ 1006).
· กรณีนี้ การแบ่งทรัพย์มรดกจำเป็นต้องแบ่งตามทรัพย์สินของผู้รับมรดกรายบุคคล ซึ่งเรียกว่าสิ่งนี้ว่าการแบ่งของทรัพย์มรดก
- กรณีมีการแบ่งทรัพย์สมบัติโดยพินัยกรรมหรือข้อตกลงระบุว่าห้ามมิให้มีการแบ่งทรัพย์มรดก การแบ่งทรัพย์มรดกจะถูกห้ามให้เกิดขึ้น
· กรณีเจ้ามรดกระบุในพินัยกรรมว่าห้ามมิให้มีการแบ่งทรัพย์มรดก การแบ่งทรัพย์มรดกจะถูกห้ามให้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
√ เจ้ามรดกสามารถห้ามการแบ่งสำหรับทรัพย์มรดกทั้งหมดหรือบางส่วน รวมถึงผู้รับมรดกทุกรายหรือบางราย โดยการระบุผ่านพินัยกรรม (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1012).
√ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการกำหนดระยะเวลาการแบ่งเกิน 5 ปีขึ้นไป ระยะเวลาของการห้ามแบ่งดังกล่าวจะลดลงเป็น 5 ปี
· กรณีผู้รับมรดกร่วมห้ามมิให้แบ่งทรัพย์มรดกผ่านข้อตกลง การแบ่งทรัพย์มรดกจะถูกห้ามให้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
√ ผู้รับมรดกร่วมสามารถตกลงกันไม่ให้มีการแบ่งมรดกภายในระยะเวลา 5 ปี (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 268 วรรค 1).
√ การตกลงห้ามแบ่งมรดกเช่นนี้สามารถปรับปรุงใหม่และต่ออายุเพิ่มได้อีก 5 ปี (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 268 วรรค 2).
- การแบ่งทรัพย์มรดกผู้รับมรดกร่วมจะต้องเข้าร่วมทุกคน
· บุคคลที่สามารถทำการร้องขอให้แบ่งมรดกประกอบด้วย ผู้รับมรดก ผู้ที่ได้รับบริจาคทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม ผู้รับมรดกของผู้รับมรดกร่วม ผู้รับมอบอำนาจจากส่วนแบ่งมรดก ฯลฯ
√ เจ้าหนี้ของผู้รับมรดกสามารถใช้สิทธิการร้องขอให้แบ่งมรดกโดยวิธีทดแทนเจ้าหนี้ (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา404).
คุณสมบัติของการแบ่งทรัพย์มรดก
ผู้รับมรดกร่วมสามารถแบ่งทรัพย์มรดกทั้งหมดได้ตามหลักการ
- ทรัพย์มรดกถูกโอนให้แก่ผู้รับมรดกโดยการรับมรดกทรัพย์มรดกทั้งหมดจึงเป็นคุณสมบัติของการแบ่งมรดก แต่ทรัพย์มรดกที่สามารถแบ่งกันได้จะไม่ถือเป็นคุณสมบัติของการแบ่งมรดกได้
· การประเมินของการแบ่งทรัพย์มรดกจะกลายเป็นเกณฑ์ในการแบ่ทรัพย์งมรดก
เว้นแต่ หนี้สินต่าง ๆ จะไม่ถือเป็นคุณสมบัติของการแบ่งทรัพย์มรดก
- สิทธิเจ้าหนี้แบ่งจ่ายและหนี้สินแบ่งจ่ายถือว่าอยู่ภายใต้ทรัพย์มรดก แต่ไม่ใช่คุณสมบัติของการแบ่งทรัพย์มรดกเมื่อมีการเริ่มรับมรดก เนื่องจากการสืบทอดมรดกได้แบ่งให้แก่ผู้รับมรดกร่วมตามส่วนแบ่งของมรดกตามกฎหมายแล้ว
※ “สิทธิเจ้าหนี้แบ่งจ่าย” หมายถึงสิทธิเจ้าหนี้ที่แบ่งชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย
※ “หนี้สินแบ่งจ่าย” หมายถึงหนี้สินที่ร้องขอให้ชำระหนี้บางส่วนคืนแก่ลูกหนี้ทั้งหลาย
วิธีการแบ่งทรัพย์มรดก
ส่วนแบ่งที่ถูกกำหนดไว้
- “ส่วนแบ่งที่ถูกกำหนดไว้ของทรัพย์มรดก” หมายถึงการที่เจ้ามรดกได้ระบุเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์มรดกผ่านพินัยกรรม หรือกรณีเจ้ามรดกมอบหมายให้บุคคลที่ 3 ที่เป็นบุคคลนอกเหนือจากผู้รับมรดกกำหนดวิธีการแบ่งทรัพย์มรดกผ่านพินัยกรรม (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1012).
ส่วนแบ่งตามข้อตกลง
- “ส่วนแบ่งตามข้อตกลงของทรัพย์มรดก” หมายถึงการตกลงกันเรื่องส่วนแบ่งของทรัพย์มรดกระหว่างผู้รับมรดกร่วมในกรณีที่เจ้ามรดกไม่ได้ระบุเกี่ยวกับข้อห้ามการแบ่งมรดกไว้ในพินัยกรรม (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」 มาตรา 1013 วรรค 1).
- ขณะที่มีการตกลงกันเกี่ยวกับส่วนแบ่ง บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องตกลงกันโดยไม้มีการดำเนินการขั้นตอนพิเศษอื่นใด สามารถใช้วิธีไกล่เกลี่ยหรือจัดแจงส่วนแบ่งได้ตามการแบ่งค่าใช้จ่าย การแบ่งสิ่งของ การแบ่งราคาได้เช่นกัน
· ส่วนแบ่งตามข้อตกลงของทรัพย์มรดกสามารถตกลงกันได้ด้วยวาจาระหว่างผู้รับมรดกร่วมกันเอง แต่เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่อกันควรมีร่างเอกสารส่วนแบ่งตามข้อตกลงเพื่อเป็นการบันทึกเป็นลายลักษณณ์อักษร
- จะถือว่าส่วนแบ่งตามข้อตกลงเป็นโมฆะ ในกรณีผู้รับมรดกที่เข้าร่วมข้อตกลงของส่วนแบ่งทรัพย์มรดกเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือข้อตกลงของส่วนแบ่งนั้นถูกกำหนดขึ้นโดยขาดความร่วมมือของผู้รับมรดกบางส่วน
· กรณีที่มีผู้เยาว์เป็นหนึ่งในผู้รับมรดก จะต้องมีการแต่งตั้งตัวแทนพิเศษเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เยาว์
- กรณีเกิดข้อผิดพลาด การฉ้อโกง หรือบังคับขู่เข็ญในข้อตกลงของส่วนแบ่งทรัพย์มรดกโดยเจตนา บุคคลที่แสดงเจตนารมณ์ในข้อตกลงของส่วนแบ่งทรัพย์มรดกสามารถยกเลิกส่วนแบ่งดังกล่าวได้ (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 109 และ มาตรา 110).
ส่วนแบ่งตามการพิพากษา
- “ส่วนแบ่งตามการพิพากษาของทรัพย์มรดก” หมายถึงวิธีการแบ่งทรัพย์มรดกผ่านการร้องขอต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงของส่วนแบ่งระหว่างผู้รับมรดกร่วมได้ (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1013 วรรค 2, มาตรา 269 และ 「พระราชบัญญัติการฟ้องร้องคดีครอบครัว」มาตรา 2 วรรค 1 ข้อ 2(10)).
※ จะต้องมีการประนีประนอมเพื่อส่วนแบ่งตามการพิพากษาในทรัพย์มรดกก่อนเสมอ (「พระราชบัญญัติการฟ้องร้องคดีครอบครัว」มาตรา 50) ซึ่งขั้นตอนของการพิจารณาโดยศาลเยาวชนและครอบครัวจะเกิดขึ้นในกรณีที่การประนีประนอมไม่เป็นผลสำเร็จเท่านั้น (「พระราชบัญญัติการปรับเปลี่ยนคดีความแพ่ง」มาตรา 36).
- เมื่อมีการร้องขอส่วนแบ่งตามการพิพากษาของทรัพย์มรดก (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1013 วรรค 2) บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหลายคนจากบรรดาผู้รับมรดก จะต้องดำเนินการร้องขอแก่ฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นผู้รับมรดกรายอื่นที่เหลืออยู่ (「กฎข้อบังคับการฟ้องร้องคดีเยาวชนและครอบครัว」มาตรา 110).
· การร้องขอให้แบ่งมรดกสามารถทำให้ทุกเมื่อโดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาเนื่องจากเป็นการร้องขอส่วนแบ่งของการถือครองร่วมกัน
- เมื่อทำการยื่นคำร้องขอให้แบ่งมรดกตามการพิพากษาของทรัพย์มรดกแล้ว ศาลเยาวชนและครอบครัวจะดำเนินการพิจารณาเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์มรดก
· เมื่อไม่สามารถแบ่งแยกสิ่งของได้หรือมูลค่าของสิ่งของนั้นลดลงเนื่องจากการแบ่ง ทางศาลสามารถออกคำสั่งให้นำสิ่งของขายทอดตลาดหรือประมูลราคาสินค้าได้ (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1013 วรรค 2 และ มาตรา 269 วรรค 2).
ผลที่ได้รับจากการแบ่งทรัพย์มรดก
ผลย้อนหลังของการแบ่งทรัพย์มรดก
- การแบ่งทรัพย์มรดกจะมีผลย้อนหลังเมื่อมีการเริ่มรับมรดกเกิดขึ้น แต่จะไม่ส่งผลเสียใด ๆ ต่อสิทธิของบุคคลที่ 3 (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1015).
หน้าที่การค้ำประกันของผู้รับมรดกร่วม
- ผู้รับมรดกร่วมมีหน้าที่รับผิดชอบในการตอบรับส่วนแบ่ง มรดกเช่นเดียวกับผู้ส่งมอบ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่ผู้รับมรดกร่วมรายอื่นได้รับโดยการแบ่งทรัพย์มรดก (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1016).
หน้าที่การค้ำประกันที่เกี่ยวกับความสามารถทางทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ได้รับมรดก
- ผู้รับมรดกร่วมจะต้องค้ำประกันความสามารถในการรับมรดกของลูกหนี้ทันทีที่มีการแบ่งทรัพย์มรดกสำหรับสิทธิเจ้าหนี้ที่ผู้รับมรดกร่วมรายอื่นได้รับจากการแบ่งทรัพย์มรดก (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1017 วรรค 1).
- ต้องค้ำประกันความสามารถในการรับมรดกของลูกหนี้เมื่อสามารถร้องขอให้ชำระหนี้คืนสำหรับสิทธิเจ้าหนี้ที่ช่วงเวลาของการชำระหนี้ยังไม่มาถึง หรือสิทธิเจ้าหนี้ที่เงื่อนไขหยุดชะงัก (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1017 วรรค 2).
การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบค้ำประกันของผู้รับมรดกร่วมที่ไร้ความสามารถทางทรัพย์สิน
- เมื่อมีบุคคลที่ไม่สามารถชำระหนี้สินได้ด้วยตนเองจากบรรดาผู้รับมรดกร่วมที่มีหน้าที่รับผิดชอบการค้ำประกัน ผู้เรียกร้องสิทธิเนื่องจากชำระหนี้แทนและผู้รับมรดกร่วมรายอื่นที่มีความสามารถทางทรัพย์สินจะต้องแบ่งหน้าที่ตามส่วนแบ่งมรดกนั้น แต่ทว่า เมื่อบุคคลที่เป็นผู้เรียกร้องสิทธิเนื่องจากชำระหนี้แทนไม่ได้รับเงินคืนเพราะความผิดพลาดของตนเอง จะไม่สามารถร้องขอส่วนแบ่งข้างต้นจากผู้รับมรดกร่วมรายอื่นได้ (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1018).
สิทธิในการร้องขอของผู้รับมรดกที่ถูกยอมรับในภายหลังการแบ่งทรัพย์มรดก
- กรณีมีการร้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากบุคคลที่กลายเป็นผู้รับมรดกที่ถูกยอมรับในภายหลังเนื่องจากได้รับการยอมรับความจริงบางประการ หรือถูกตัดสินตามคำพิพากษาหลังจากเริ่มรับมรดก เมื่อผู้รับมรดกร่วมรายอื่นจัดการกับเรื่องอื่นนอกจากส่วนแบ่งไปเรียบร้อยแล้ว บุคคลดังกล่าวจะมีสิทธิร้องขอการจ่ายส่วนแบ่งมรดกนั้นได้ (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 1014).
- สิทธิการร้องขอการจ่ายส่วนแบ่งมรดกของผู้รับมรดกร่วมที่ถูกยอมรับในภายหลังข้างต้นจะมีผลเป็นเวลา 3 ปีเนื่องจากสิทธิดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิการร้องขอคืนมรดก ดังนั้น ผู้รับมรดกที่ถูกยอมรับในภายหลังจะต้องใช้สิทธิดังกล่าวภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ทราบว่าตนเองเป็นผู้รับมรดกตัวจริง และทราบว่าตนเองไม่ได้รวมอยู่กับผู้รับมรดก (เมื่อบุคคลอื่นนอกจากคู่สมรสกลายเป็นผู้รับมรดกร่วมโดยการพิพากษาของศาล) (「ประมวลกฎหมายแพ่ง」มาตรา 999 วรรค 2, ศาลฎีกา 2007.7.26. อ้างอิงจากตัวอย่างการพิพากษา 2006มือ2757,2764).