คุณต้องยื่นรายงานสถานะของสถานประกอบการธุรกิจของคุณทุกปี
ผู้ดำเนินธุรกิจต้องยื่นรายงาน
- ผู้ดำเนินธุรกิจใดก็ตาม (รวมถึงผู้ดำเนินธุรกิจที่เลิกกิจการของเขา/เธออย่างถาวร หรือชั่วคราว งวดภาษีที่เกี่ยวข้อง) จะต้องยื่นรายงานสถานะปัจจุบันของสถานที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (ต่อไปนี้ จะเรียกว่า "รายงานสถานะปัจจุบันของสถานประกอบการ") กับหัวหน้า สำนักงานสรรพากรที่มีอำนาจ ดูแลพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ของปี ถัดไปของงวดภาษีที่เกี่ยวข้อง (「พระราชบัญญัติภาษีเงินได้้」บทหลักของมาตรา 78(1))
- อย่างไรก็ตาม ให้ถือว่ามีการยื่นรายงานสถานะปัจจุบันของสถานประกอบการเรียบร้อยแล้ว ในกรณีใด กรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติภาษีเงินได้้」บทบัญญัติในมาตรา 78(1))
· ในกรณีที่ระยะเวลาการรายงานสำหรับฐานภาษีท้องถิ่น มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการเสียชีวิต ของผู้ดำเนินธุรกิจหรือการเดินทางออกจากสาธารณรัฐเกาหลีของเขา/เธอ (「พระราชบัญญัติภาษี เงินได้」 มาตรา 74)
· ในกรณีที่ผู้ดำเนินธุรกิจที่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ยื่นรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มตามกำหนดการ หรือผ่านการยืนยันแล้ว หรือบุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่ายได้ยื่นรายงานภาษีแล้ว (「พระราช บัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 2 วรรค 3, มาตรา 48, มาตรา 49, มาตรา 66 และมาตรา 67)
วิธีการรายงาน
- ผู้ดำเนินธุรกิจที่จำเป็นต้องรายงานสถานะปัจจุบันของสถานประกอบการของเขา/เธอ จะต้องยื่นสถานะ ปัจจุบันของสถานประกอบการที่ประกอบด้วยเนื้อหาดังต่อไปนี้ ต่อหัวหน้าสำนักงานสรรพากร ที่มี อำนาจ พร้อมรายละเอียดของจำนวนเงินรายได้และเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง (「พระราชบัญญัติภาษี เงินได้」มาตรา 78(2)「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้」มาตรา 141(1) และ (2) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ แบบฟอร์ม ภาคผนวก 19)
· ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้ดำเนินธุรกิจ
· รายละเอียดของจำนวนเงินรายได้ตามประเภทธุรกิจ
· รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงินรายได้ตามวิธีการชำระเงิน
· ใบแจ้งยอดบัญชี ใบกำกับภาษี ใบเสร็จขายผ่านบัตรเครดิต และรายละเอียดใบเสร็จรับเงินสด
· เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถานะปัจจุบันของสถานประกอบการธุรกิจ ตามที่กำหนดภายใต้กฤษฎีกา ของกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน
ต้องชำระภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากการดำเนินงานประจำปีที่เกิดขึ้นทุกปี
ผู้เสียภาษี
- บุคคลใดก็ตามที่มีภูมิลำเนาหรือที่อยู่อาศัยเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ในสาธารณรัฐเกาหลี (ต่อไปนี้ เรียกว่า "ผู้อยู่อาศัย") จะถูกเรียกเก็บภาษีจากรายได้ทั้งหมด (「พระราชบัญญัติภาษีเงินได」 มาตรา 1-2(1) วรรค 1 และมาตรา 3(1))
การแสดงรายการภาษีและการชำระเงิน
- ผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องรายงานรายได้โดยยื่นแบบแสดงรายการภาษี กับหัวหน้าสำนักงานสรรพากรที่ มีอำนาจดูแลพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เพื่อชำระภาษี พร้อมกับบัญชีแยกประเภทแสดงรายได้ และเอกสารประกอบ และจะต้องชำระภาษีเงินได้เหมาจ่ายซึ่งคำนวณจากข้อมูลดังกล่าว (「พระราช บัญญัติภาษี เงินได้」 มาตรา 70(4) และมาตรา 76(1))
ระยะเวลาการแสดงรายการภาษี
- ระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีสุดท้าย
· ผู้อยู่อาศัยใดก็ตาม (รวมถึงผู้อยู่อาศัยที่ไม่มีฐานภาษีสำหรับรายได้แบบเหมา หรือการขาดทุน ใดก็ตาม) ด้วยยอดเงินรายได้แบบเหมาในงวดภาษีที่เกี่ยวข้อง จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ตามฐานภาษีเหมาจ่ายดังกล่าว เพื่อชำระภาษีต่อหัวหน้าสำนักงานสรรพากรที่มีอำนาจดูแลพื้นที่ที่ สถานประกอบการตั้งอยู่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ของปีถัดไป ของงวดภาษีซึ่งกำหนดตามข้อมูลของตนเอง (「พระราชบัญญัติภาษีเงินได้」 มาตรา 70(1))
- ระยะเวลาระหว่างการชำระภาษีล่วงหน้า
· หัวหน้าสำนักงานสรรพากรที่มีอำนาจดูแลพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ สำหรับการรับชำระภาษี จะต้องออกหนังสือแจ้งยอดเงินภาษี สำหรับการชำระภาษีล่วงหน้า (จำนวนเทียบเท่ากับ 1/2 ของ ยอดเงินภาษีที่ต้องชำระ หรือเป็นภาษีเหมาจ่ายค้างจ่าย) ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน แก่ผู้อยู่อาศัยที่ต้องชำระภาษีสำหรับการชำระ ภาษีล่วงหน้า (「พระราชบัญญัติ ภาษีเงินได้」 ส่วนเดิมของมาตรา 65(1)ส่วนท้าย)
บุคคลที่ต้องทำบัญชีอย่างง่าย
- ฝ่ายบริการด้านภาษีแห่งชาติได้คิดค้นแนวทางการทำบัญชีอย่างง่ายเป็นพิเศษ สำหรับผู้ดำเนิน ธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้ผู้ดำเนินธุรกิจสามารถร่างข้อมูลรายได้ และรายจ่ายของพวกเขา เสมือน การทำบัญชีแยกประเภทในการดูแลบ้านเรือน และให้ประโยชน์สำหรับผู้ดำเนินธุรกิจเพื่อรายงาน และชำระภาษีเงินได้ โดยการคำนวณรายได้ของตนเองจากการทำบัญชีดังกล่าว
- ผู้ดำเนินธุรกิจใดก็ตามที่มีขนาดของธุรกิจย่อมกว่าประเภทธุรกิจที่กำหนดดังต่อไปนี้ เรียกว่า "ผู้ทำ บัญชีอย่างง่าย" และผู้ดำเนินธุรกิจอื่นใดนอกเหนือจากผู้ทำบัญชีอย่างง่าย เรียกว่า "ผู้ทำบัญชีคู่" (「พระราชบัญญัติภาษีเงินได้」มาตรา 160(3) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตาม พระราชบัญญัติภาษีเงินได้」 มาตรา 208(5))
· ผู้ดำเนินธุรกิจที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ในงวดภาษีที่เกี่ยวข้อง
· ผู้ดำเนินธุรกิจที่มีรายรับรวมสำหรับงวดภาษีก่อนหน้านี้(รวมถึงรายรับที่เพิ่มขึ้นตามการคำนวณ หรือการแก้ไขแต่ไม่รวมรายรับที่เกิดจากการโอนสินทรัพย์ที่มีตัวตนเพื่อธุรกิจภายใต้มาตรา19(1) วรรค 20 ของพระราชบัญญัติ)มียอดเงินไม่เกินจำนวนต่อไปนี้
(ก) ธุรกิจเกษตรกรรม ป่าไม้ การประมง การทำเหมือง ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจการขาย อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรายการ (ข) และ (ค): 300 ล้านวอน
(ข) ธุรกิจการผลิต ที่พักและร้านอาหาร ธุรกิจไฟฟ้า แก๊ส ไอน้ำและน้ำประปาธุรกิจการกำจัดสิ่งปฏิกูล การกำจัดของเสีย การรีไซเคิลวัตถุดิบ และการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมธุรกิจก่อสร้าง (ยกเว้นธุรกิจก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย) ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการจัดหา(จำกัดเฉพาะธุรกิจพัฒนาและจัดหาอาคารที่พักอาศัย) ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจสิ่งพิมพ์รูปภาพ ออกอากาศและโทรคมนาคม และธุรกิจบริการข้อมูล ธุรกิจการเงิน และประกันภัย และธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินค้า:150 ล้านวอน
(ค) บริการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ บริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ บริการให้เช่า (ไม่รวมบริการ ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์) ธุรกิจบริการเฉพาะสาขา ด้านวิทยาศาสตร์ และด้านเทคนิค การบริหาร ทรัพยากรทางธุรกิจและบริการสนับสนุนธุรกิจ บริการด้านการศึกษา บริการด้านสุขภาพและสวัสดิ การ สังคมอุตสาหกรรมบริการที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ กีฬา และการพักผ่อน สมาคมและองค์กร ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบริการส่วนบุคคลอื่น ๆ และกิจกรรมที่จ้างโดยครอบครัว: 75 ล้านวอน
ประโยชน์ของการทำบัญชีอย่างง่าย
|
(คำถาม) การทำบัญชีอย่างง่ายมีประโยชน์อะไร (คำตอบ) ภาษีเงินได้จะได้รับคำนวณตามรายได้ที่เกิดขึ้นจริงตามการบันทึกข้อมูลของคุณ ดังนั้น หากเกิดความเสียหาย (ขาดทุน) ใดก็ตาม จำนวนเงินดังกล่าวจะถูกหักออกจากยอดเงินรายได้ ที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้นจากรายได้ทางธุรกิจ ของการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์จะถูกหักออกจากรายได้ทางธุรกิจที่สอดคล้องกันเท่านั้น นอกจากนี้ ค่าเสื่อมราคา หนี้สูญ และเงินสำรองเพื่อผลประโยชน์เมื่อเกษียณอายุถูกจำแนก เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ภาษีเงินได้อาจลดลงมากถึง 20% โดยการทำรายการในบัญชี จะไม่การเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 20% สำหรับการไม่จัดทำบัญชี และหากผู้ทำบัญชีอย่างง่าย แสดงรายได้ของเขา/เธอด้วยบัญชีคู่ จำนวนเงิน 20% ของภาษีตามการคำนวณทางบัญชีจะถูก หักออก (「พระราชบัญญัติภาษีเงินได้」เนื้อหาหลักของมาตรา 56-2(1)) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ยอดเงินเท่ากับ 20/100 ของยอดเงินที่คำนวณโดยการคูณอัตราส่วนของรายได้จากธุรกิจ จะคำนวณตามการบันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับรายได้แบบเหมา โดยภาษีที่คำนวณได้จะถูกหัก ออกจากยอดคำนวณภาษีรายได้แบบเหมา ในทางกลับกัน หากผู้ทำบัญชีอย่างง่ายไม่ทำการบันทึกบัญชีคู่หรือบัญชีอย่างง่าย จะไม่สามารถ คำนวณรายได้ตามที่เกิดขึ้นจริงได้ ดังนั้น จึงทำให้ไม่สามารถรับรู้ความเสียหาย (ขาดทุน) ใดได้ นอกจากนี้ เขา/เธอจะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 20% สำหรับการไม่จัดทำบัญชี และบุคคลที่ไม่จัด ทำบัญชีเพื่อจุดประสงค์ในการละเว้นรายได้ อาจต้องเผชิญกับการแทรกแซงทางภาษี เช่น มีการตรวจสอบภาษี < ฝ่ายบริการด้านภาษีแห่งชาติ – แบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษี – รายได้แบบเหมา – คู่มือการทำบัญชีอย่างง่าย >
|
การคำนวณยอดเงินได้
- ผู้ดำเนินธุรกิจที่จัดทำและบันทึกบัญชี ต้องคำนวณยอดเงินได้ตามลักษณะดังต่อไปนี้: ยอดเงินได้ = ยอดเงินได้ทั้งหมด – ค่าใช้จ่ายจำเป็น ตาม (อ้างตาม「พระราชบัญญัติภาษีเงินได้」มาตรา 45(1))
คุณต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับรายได้จากการดำเนินงานของคุณ
บุคคลที่ต้องเสียภาษี
- บุคคล นิติบุคคลใดก็ตาม (รวมถึงมลรัฐ การปกครองท้องถิ่น หรือสมาคมการปกครองท้องถิ่น)สมาคม หรือมูลนิธิที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือองค์กรอื่น ๆที่อยู่ภายใต้วรรคใดดังต่อไปนี้ จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」มาตรา 3(1))
· ผู้ดำเนินธุรกิจ
· บุคคลที่นำเข้าสินค้า
วิธีการทางภาษี
- ยอดเงินภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งผู้ดำเนินธุรกิจต้องชำระคือ (ยอดภาษีขาย ยอดภาษีซื้อ) (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 37(2))
การแสดงรายการภาษีและการชำระเงิน
- จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามพื้นที่ของสถานประกอบการในแต่ละแห่ง แต่หากผู้ดำเนินธุรกิจไม่มี สถานประกอบการ เขา/เธอจะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามพื้นที่ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ของเขา/เธอ (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 6(1) และ (3))
- ผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องจดทะเบียนธุรกิจของเขา/เธอ กับหัวหน้าสำนักงานสรรพากรที่มีอำนาจดูแลพื้นที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายใน 20 วันนับจากวันเริ่มต้นธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่มีความ ประสงค์จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ อาจยื่นคำขอจดทะเบียนธุรกิจได้ก่อนวันเริ่มต้นธุรกิจ (「พระราชบัญญัติ ภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 8(1))
งวดภาษี
- งวดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ดำเนินธุรกิจเป็นไปตามงวดดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 5(1) )
① บุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย
· ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม
② บุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบทั่วไป
· งวดแรก: ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน
· งวดที่สอง: ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม
- งวดภาษีเริ่มต้นสำหรับผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ให้นับตั้งแต่วันเริ่มต้นธุรกิจถึงวันสิ้นสุดงวดภาษี ซึ่งนับรวม วันเริ่มต้นธุรกิจด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีที่ยื่นคำขอจดทะเบียนธุรกิจก่อนวันเริ่มต้นธุรกิจ งวดภาษี เริ่มต้นจะนับจากวันยื่นคำขอดังกล่าวจนถึงวันสิ้นสุดงวดภาษี ซึ่งนับรวมวันยื่นคำขอด้วย (「พระราช บัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 5(2))
บุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย
- แนวคิด
· “บุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย” หมายถึง ผู้ดำเนินธุรกิจแต่ละรายที่มีรายได้ (หมายถึง เงินได้รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากการจัดหาสินค้าและบริการในปีปฏิทินก่อนหน้าทันทีไม่เกิน 80 ล้านวอน (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 61(1) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 109(1))
- ยอดเงินภาษีที่ต้องชำระโดยบุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย
· ยอดเงินภาษีที่ต้องชำระโดยบุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย จะเป็นยอดเงินซึ่งคำนวณตามสูตรดัง ต่อไปนี้ ในกรณีดังกล่าว หากบุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย ดำเนินธุรกิจ 2 ประเภทขึ้นไปพร้อมกัน ยอดเงินรวมซึ่งคำนวณได้จากธุรกิจแต่ละประเภทดังกล่าวจะเป็นยอดเงินภาษีที่ต้องชำระ (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 63(2) และ (3))
√ ยอดเงินภาษีที่ต้องชำระ = [รายได้ในงวดภาษีที่เกี่ยวข้อง (ยอดรวมรายได้) × อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ของประเภทธุรกิจที่เกี่ยวข้อง × 10/100] ยอดภาษีที่ต้องหักออก (ยอดภาษีซื้อในใบกำกับภาษี)
- อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเภทธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
· อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเภทธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจำเป็นต่อการคำนวณจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ มีอัตราดังต่อไปนี้ (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 111(2))
√ ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า แก๊ซ ไอน้ำ และประปา: 5/100
√ ธุรกิจขายปลีก ธุรกิจการรวบรวมและขายวัสดุทดแทน กิจกรรมการบริการอาหาร: 10/100
√ ธุรกิจการผลิต การเกษตร การป่าไม้ และการประมง บริการที่พัก และบริการด้านการขนส่ง และการสื่อสาร: 20/100
√ บริการก่อสร้าง บริการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และบริการอื่น ๆ: 30/100
- แบบแสดงรายการภาษีโดยบุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่าย
· บุคคลที่ต้องเสียภาษีแบบง่ายต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มของตน โดยระบุรายการดัง ต่อไปนี้ ต่อหัวหน้าสำนักงานสรรพากรที่มีอำนาจดูแลพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ เพื่อชำระภาษี ตามฐานภาษีและยอดงินภาษีที่ต้องชำระของแต่ละงวดภาษี และชำระภาษีให้แก่หัวหน้าสำนักงาน สรรพากรที่มีอำนาจในพื้นที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือธนาคารแห่งชาติเกาหลี ภายใน 25 วัน หลังสิ้นสุดงวด ภาษีที่เกี่ยวข้องในแต่ละงวด (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 67(1) และ「พระราช กำหนดการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 114(3))
√ รายละเอียดส่วนบุคคลของผู้ดำเนินธุรกิจ
√ ยอดเงินภาษีที่ต้องชำระและเกณฑ์การคำนวณ
√ ยอดเงินค่าปรับภาษีและเกณฑ์การคำนวณ
√ รายละเอียดของรายการในใบกำกับภาษีทั้งหมดที่ผู้ขายส่งมา
√ ข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ
กองทุนช่วยเหลือร่วมจะถูกหักออกจากรายได้แบบเหมา
การหักลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับกองทุนช่วยเหลือร่วมของผู้ดำเนินธุรกิจรายย่อย
- ในกรณีที่ผู้ดำเนินธุรกิจรายย่อยเข้าร่วม และฝากเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือร่วมไม่เกิน 3 ล้านวอน ซึ่งชำระเป็นรายไตรมาส เขา/เธอมีสิทธิหักลดหย่อนภาษีตามยอดเงินที่น้อยกว่าเงินฝากกองทุน ช่วยเหลือร่วมของปีที่เกี่ยวข้อง และด้วยยอดเงินได้ใดดังต่อไปนี้ จากยอดเงินได้ทางธุรกิจของงวด ภาษีที่เกี่ยวข้อง (「พระราชบัญญัติข้อจำกัดการจัดเก็บภาษีเฉพาะ」 มาตรา 86-3(1) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติข้อจำกัดการจัดเก็บภาษีเฉพาะ」 มาตรา 80-3(1))
· หากยอดเงินได้ทางธุรกิจของงวดปีภาษีที่เกี่ยวข้องไม่เกิน 40 ล้านวอน: 5 ล้านวอน
· หากยอดเงินได้ทางธุรกิจของงวดปีภาษีที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่าง 40 ล้านวอน และ 100 ล้านวอน: 3 ล้านวอน
· หากยอดเงินได้ทางธุรกิจของงวดปีภาษีที่เกี่ยวข้องสูงกว่า 100 ล้านวอน: 2 ล้านวอน
- ในกรณีที่บุคคลได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนช่วยเหลือร่วม สำหรับองค์กรขนาดเล็กและรายย่อย ให้นับสิทธิประโยชน์นั้นเป็นรายได้เพื่อการเกษียณ ซึ่งจะต้องเสียภาษีเงินได้ (「พระราชบัญญัติ ข้อจำกัดการจัดเก็บภาษีเฉพาะ」 มาตรา 86-3(3) และ 「พระราชบัญญัติ ภาษีเงินได้」 มาตรา 22(1) วรรค 2)