ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟและพนักงานจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพ
บุคคลที่ต้องตรวจสุขภาพและเวลาในการดำเนินการตรวจสอบดังกล่าว
- ผู้ดำเนินธุรกิจและพนักงาน (ไม่รวมถึงบุคคลที่มีส่วนร่วมในการขนส่ง หรือการขายอาหาร หรือวัตถุ เจือปนอาหารที่บรรจุหีบห่ออย่างสมบูรณ์) ซึ่งมีส่วนร่วมโดยตรงในการรวบรวม การผลิต การแปรรูป การปรุงอาหาร การจัดเก็บ หรือการขนส่งอาหารหรือวัตถุเจือปนอาหาร (ไม่รวมเครื่องฆ่าเชื้อหรือ นํ้ายาฆ่าเชื้อ เช่น สารเคมีสังเคราะห์หรือเครื่องมือ) จะต้องได้รับการตรวจสุขภาพจากแพทย์ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ได้รับการตรวจสุขภาพเช่นเดียวกับที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติอื่น และกฎข้อ บังคับรองจะถือว่าผ่านการตรวจสุขภาพจากแพทย์ตาม「พระราชบัญญัตินี้」แล้ว (「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 40(1) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 49(1))
※ ผู้ดำเนินธุรกิจหรือพนักงานที่ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพจากแพทย์ โดยละเมิดข้อกำหนดดังกล่าว จะต้องโทษปรับไม่เกิน 200,000 วอนสำหรับผู้ดำเนินธุรกิจ และ 100,000 วอน สำหรับพนักงาน ตามลำดับ (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」มาตรา 101(3) วรรค 1, 「พระราชกำหนด การบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 67(1) และภาคผนวก 2)
- ผู้ดำเนินธุรกิจและพนักงานของเขา/เธอที่ต้องได้รับการตรวจสุขภาพจากแพทย์ จะต้องดำเนินการก่อน ที่จะเริ่มต้นธุรกิจหรือมีส่วนร่วมในธุรกิจ (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 40(4) และ ของ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 49(2))
ข้อจำกัดในการดำเนินงาน
- ห้ามมิให้มีบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นโรคใดก็ตามดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นผลจากการตรวจสุขภาพจากแพทย์ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลที่สามเข้ามีส่วนร่วมในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 40(2), (4) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 50)
· วัณโรค (ยกเว้นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการเป็นโรคติดต่อ) ใน「พระราชบัญญัติการควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อ」 มาตรา 2อนุวรรค 3
· โรคติดต่อในกฎระเบียบการบังคับใช้「พระราชบัญญัติควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อ」 มาตรา 33(1)ในแต่ละอนุวรรค
· โรคผิวหนังหรือโรคหนอง (โรคอักเสบเป็นหนอง)อื่น ๆ
· กลุ่มภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (ใช้เฉพาะกับลูกจ้างที่ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพจากแพทย์ สำหรับ กามโรคตาม「พระราชบัญญัติควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อ」 มาตรา 19)
- ห้ามมิให้มีผู้ดำเนินธุรกิจสั่งการบุคคลที่ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพจากแพทย์ หรือเป็นโรคที่อาจก่อให้ เกิดอันตรายต่อบุคคลที่สามอันเป็นผลมาจากการตรวจสุขภาพจากแพทย์ เพื่อทำงานในธุรกิจ ที่เกี่ยวข้อง (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 40(3))
※ ผู้ดำเนินธุรกิจที่ละเมิดข้อกำหนดนี้ ต้องโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 5 ล้านวอน (「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 101(3) วรรค 1)
ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟจะต้องได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารในแต่ละปี
บุคคลที่จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร
- บุคคลที่มีความประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับอาหาร จะต้องได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัย อาหาร (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "การฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร") ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเขา/เธอไม่สามารถรับการฝึกอบรมดังกล่าวได้เนื่องจากมีมูลเหตุจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขา/เธออาจเข้ารับการฝึกอบรมดังกล่าวหลังจากเริ่มต้นธุรกิจของเขา/เธอตาม「กฎระเบียบการ บังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(2))
- ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟจะต้องได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารในทุกปี (「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」มาตรา 41(1) และ「ตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 27 วรรค 8)
※ บุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมดังกล่าวซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนด ต้องโทษปรับทาง ปกครองไม่เกิน 200,000 วอน (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 101(4) วรรค 1 และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」มาตรา 67 และภาคผนวก 2)
- เมื่อบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร ไม่ได้ประกอบธุรกิจโดยตรง หรือประกอบธุรกิจในสถานที่ไม่น้อยกว่า สอง แห่ง บุคคลที่รับผิดชอบด้านสุขอนามัยอาหาร ซึ่งเป็น พนักงานอาจได้รับมอบหมายให้เข้ารับการฝึกอบรมในนามของผู้ดำเนินธุรกิจ (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 เนื้อหาหลักของมาตรา 41(3))
- ห้ามมิให้ผู้ดำเนินธุรกิจ อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร เข้ามีส่วนร่วม ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่จะมีเหตุที่สมควรลดหย่อนผ่อนโทษ (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(5))
※ บุคคลใดก็ตามที่สั่งการให้พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร เข้ามีส่วนร่วม ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ต้องโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 200,000 วอน (「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 101(4) วรรค 1, 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 67 และภาคผนวก 2)
- ผู้ประกอบการ หรือพนักงานลูกจ้างที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ยากต่อการเข้ารับการอบรบสุขาภิบาลอาหาร หรือ ในกรณีที่มีเหตุผลอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความปลอดภัยอาหารและยา ลงความเห็นว่า อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน สามารถเข้ารับการอบรมสุขาภิบาลในอาหารได้ ตามวิธีดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(7) และ 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 54(1))
· ผู้ประกอบการ หรือพนักงานลูกจ้างที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล : แจกจ่ายสื่อการเรียนการสอนที่จำเป็นต่อการเรียน(เฉพาะบุคคลที่หน่วยงานที่ออกใบอนุญาต ผู้มีอำนาจรับคำร้อง หรือหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนรับรองให้เป็นบุคคลที่ต้องการการศึกษาด้านสุขาภิบาลอาหารเท่านั้น)
· อื่นๆ : การศึกษาทางไกลโดยใช้สื่อสารสนเทศ
สถาบันฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร ฯลฯ
- สถาบันที่ให้การฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารและผู้รับผิดชอบด้านสุขอนามัยอาหารคือ สถาบันฝึกอบรมที่มีความชำนาญเป็นพิเศษในด้านสุขอนามัยอาหารตามที่กำหนดและประกาศโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารและยา สมาคมการค้า หรือสมาคมอุตสาหกรรมอาหารเกาหลี (ข้อจำกัด「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(6) และข้อจำกัด「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 51(1))
- เนื้อหาที่จะสอนในการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารและผู้รับผิดชอบด้านสุขอนามัยอาหาร ประกอบด้วยสุขอนามัยอาหาร สุขลักษณะ ส่วนบุคคลมาตรการสุขอนามัยอาหาร และการควบคุมคุณภาพอาหาร (ข้อจำกัด「พระราชบัญญัติสุขอนามัย อาหาร」 มาตรา 41(6) และข้อจำกัด「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 51(2))
ชั่วโมงการฝึกอบรม
- บุคคลที่มีความประสงค์จะประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับอาหาร จะต้องได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัย อาหารเป็นเวลา 6 ชั่วโมง (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(2) และ「กฎระเบียบ การบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」มาตรา 52(2) วรรค 3)
※ กรณีบุคคลที่ได้รับการอบรมด้านสุขอนามัยอาหารปิดกิจการตลอดทั้งปีเนื่องจากการแจ้งปิดกิจการตาม「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 8(8) บุคคลนั้นอาจไม่ได้รับการอบรมด้านสุขอนามัยอาหารในปีนั้น (「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 52(5)).
- ในกรณีที่บุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารอยู่ภายใต้ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ถือว่า เขา/เธอได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารใหม่แล้วสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (「พระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(6) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ สุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 52(3))
· บุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารใหม่ในระยะเวลาน้อยกว่า 2 ปี หรือในปีที่เกี่ยวข้อง มีความประสงค์ที่จะประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่เขา/เธอได้รับการฝึกอบรมดังกล่าวแล้ว
· บุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารใหม่ในระยะเวลาน้อยกว่า 2 ปี มีความประสงค์ที่จะ ประกอบธุรกิจประเภทอื่น
√ ธุรกิจร้านอาหารเพื่อการพักผ่อน ธุรกิจร้านอาหารทั่วไป และธุรกิจเบเกอรี่ → ธุรกิจร้านอาหาร เพื่อการพักผ่อน ธุรกิจร้านอาหารทั่วไป และธุรกิจเบเกอรี่
- ในกรณีที่บุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารตาม「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตาม พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 52(1) ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเขา/เธอได้รับ การฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารที่จำเป็นตาม「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 52(1) เพื่อให้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับ (「กฎระเบียบ การบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 52(4))
· บุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมตาม「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัย อาหาร」 มาตรา 52(1) ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกับธุรกิจที่เขา/เธอได้รับการฝึกอบรมในพื้นที่ ที่มีสำนักงานออกใบอนุญาต ประกาศเผยแพร่ หรือสำนักงานทะเบียนที่มีอำนาจในพื้นที่ธุรกิจ เดิมของเขา/เธอตั้งอยู่ในปีเดียวกัน
· บุคคลที่ได้รับการฝึกอบรมตาม「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัย อาหาร」มาตรา 52(1) ดำเนินธุรกิจในบรรดาธุรกิจดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นประเภทที่แตกต่างจากธุรกิจ เดิมของเขา/เธอ ซึ่งเขา/เธอได้รับการฝึกอบรมในพื้นที่ที่มีสำนักงานออกใบอนุญาตประกาศ เผยแพร่ หรือสำนักงานทะเบียนที่มีอำนาจพื้นที่มีธุรกิจเดิมของเขา/เธอตั้งอยู่ในปีเดียวกัน
(ก) การผลิตและการแปรรูปอาหาร การผลิต การแปรรูป และการขายในพื้นที่ และการผลิตวัตถุ เจือปนอาหาร
(ข) ธุรกิจร้านอาหารเพื่อการพักผ่อน ธุรกิจร้านอาหารทั่วไป และธุรกิจเบเกอรี่
(ค) ธุรกิจบาร์คาราโอเกะ และธุรกิจบาร์เพื่อความบันเทิง
สื่อการสอน
- สถาบันที่ให้การฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารจะต้องสร้างสื่อการสอน และจัดหาสื่อการสอนให้กับ บุคคลที่ต้องได้รับการฝึกอบรมดังกล่าว (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(6) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」มาตรา 53(1))
- สถาบันที่ให้การฝึกอบรมด้านสุขอนามัยอาหารจะต้องออกหนังสือรับรอง ให้กับบุคคลที่สำเร็จ การอบรมด้านสุขอนามัยอาหาร และรายงานผลการอบรม ใบอนุญาต ทำการแจ้งต่อสำนักงาน ทะเบียน หรือจดทะเบียนภายใน 1 เดือนนับจากวันที่ให้การอบรม และต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ความปลอดภัยด้านอาหารและยาภายใน 1 เดือน นับจากวันสิ้นปีที่เกี่ยวข้อง และเก็บรักษา และจัดการระเบียนผลการศึกษา เช่น ทะเบียนการออกใบรับรองเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 41(6) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 53(2))
นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่น ๆ ตาม「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」
ประเด็นผู้ดำเนินธุรกิจและพนักงานต้องปฏิบัติตาม
- ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟและพนักงานของพวกเขา จะต้องปฏิบัติตามประเด็นดังต่อไปนี้ เพื่อควบคุม สุขอนามัยของธุรกิจ รักษาความสงบเรียบร้อย และปรับปรุงสุขอนามัยและสุขอนามัยของประชาชน (「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 44(1) และ「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตาม พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 29(1) วรรค 7)
1. ห้ามมิให้ผู้ดำเนินธุรกิจขนส่ง จัดเก็บ แสดง หรือขายผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ ตาม「พระราชบัญญัติควบคุมสุขอนามัยผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์」 มาตรา 12 หรือสัตว์ที่ใช้สำหรับการ ทดลอง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์หรือสัตว์ดังกล่าวเพื่อการผลิตหรือแปรรูปอาหาร
2. ห้ามมิให้ผู้ดำเนินธุรกิจใช้หรือขายสัตว์ป่าที่จับ หรือรวบรวม ซึ่งเป็นการละเมิด「พระราชบัญญัติ คุ้มครองและจัดการสัตว์ป่า」 เพื่อการผลิตหรือการแปรรูปอาหาร
3. เจ้าของธุรกิจต้องไม่แบ่งย่อย การขนส่ง การนำเสนอ หรือการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ อาหาร หรือวัตถุดิบที่หมดอายุการเก็บรักษา เพื่อวัตถุประสงค์ในการผลิต การแปรรูป การประกอบ อาหารและการจำหน่าย หรือนำมาใช้เพื่อการจำหน่าย การผลิต การแปรรูป และเพื่อการประกอบ อาหาร
4. ในกรณีที่ผู้ดำเนินธุรกิจใช้น้ำบาดาล ซึ่งไม่ใช่น้ำประปาเป็นน้ำดื่ม หรือสำหรับการประกอบอาหาร ซักล้าง เขา/เธอจะต้องใช้น้ำที่ได้รับการรับรองว่าเหมาะสมสำหรับการดื่ม หลังจากผ่านการทดสอบ จากสถาบันทดสอบคุณภาพน้ำดื่มตาม「พระราชบัญญัติการจัดการน้ำดื่ม」 มาตรา 43 อย่างไรก็ตาม หากสถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร สอง แห่งขึ้นไป ใช้แหล่งน้ำ เดียวกันในอาคารเดียวกัน ผลการทดสอบในสถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร หนึ่ง แห่ง อาจใช้แทนการทดสอบในสถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจบริการอาหารกับอีกแห่งหนึ่งได้
5. ห้ามมิให้ผู้ดำเนินธุรกิจผลิต แปรรูป ขาย นำเข้า ใช้ และขนส่งอาหารซึ่งถูกห้ามชั่วคราว จนกว่าการประเมินความเสี่ยงจะเสร็จสิ้นตาม「พระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 มาตรา 15(2)
6. ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์อาหารเป็นพิษ ห้ามมิให้ผู้ดำเนินธุรกิจทำให้สถานที่เกิดเหตุเสียหาย โดยการทิ้ง หรือฆ่าเชื้ออาหารที่เก็บ หรือใช้จนกว่าการสอบสวนทางระบาดวิทยาจะเสร็จสิ้น และเขา/เธอจะต้องเก็บรักษาอาหารให้อยู่ในสภาพดั้งเดิม และจะต้องไม่เข้าไปแทรกแซงเกี่ยวกับ การสอบสวนหาสาเหตุของอาหารเป็นพิษด้วย
7. ห้ามมิให้ผู้ดำเนินธุรกิจหลอกล่อและวิงวอนขอความช่วยเหลือจากลูกค้า
8. ประเด็นอื่นที่กำหนดไว้สำหรับการจัดการวัตถุดิบสำหรับธุรกิจ กระบวนการผลิต การควบคุม สุขอนามัย การรักษาความสงบเรียบร้อย การส่งเสริมสุขภาพ และสุขลักษณะส่วนของบุคคล
※ ประเด็นอื่นที่ต้องปฏิบัติตาม「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติสุขอนามัยอาหาร」 7 ในภาคผนวก 17 ซึ่งมีรายละเอียดเรื่องสำคัญที่ผู้ดำเนินธุรกิจด้านอาหาร (ไม่รวมผู้ดำเนินธุรกิจ บริการจัดเลี้ยง) และพนักงานของพวกเขาจะต้องปฏิบัติตาม