THAI

- หน่วยงานบริการการตลาดและองค์กรขนาดเล็ก ดำเนินการด้านระบบข้อมูลพื้นที่การค้า(https://sg.sbiz.or.kr)และให้บริการคำแนะนำในการเลือกตำแหน่งที่ตั้ง และประเภทของธุรกิจ กับผู้ดำเนินธุรกิจรายใหม่

- แนะนำให้เลือกสถานที่ตั้งของร้านกาแฟในพื้นที่ที่มีอาคารสำนักงานเป็นหลัก เพื่อดึงดูดลูกค้า ที่เป็นพนักงานออฟฟิศ เขตที่มีมหาวิทยาลัยที่มีประชากรวัยรุ่นเป็นหลัก และพื้นที่ใกล้กับสถานีรถ ไฟฟ้าใต้ดินที่เข้าถึงสะดวก

- อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนกิจการร้านกาแฟเพิ่มมากขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จำเป็นต้องมี การตรวจสอบอย่างรอบคอบร้านกาแฟอยู่ห่างจากร้านของคู่แข่งแค่ไหน ร้านกาแฟอยู่ในตำแหน่งที่ตั้ง ที่มีลูกค้าสัญจรต่อเนื่องหรือไม่ และโอกาสที่ตำแหน่งที่ตั้งของผู้ประกอบกิจการจะสูญเสียลูกค้าให้กับ คู่แข่งในระยะยาว

- การระบุคุณลักษณะของพื้นที่ในอุดมคติของคุณ ควรเป็นข้อแรกในการเลือกตำแหน่งที่ตั้ง

- ดังนั้น ระดับการพัฒนาของพื้นที่การค้า สามารถประเมินได้จากการจำหน่าย และสถานะของธุรกิจ ของคู่แข่ง และคุณลักษณะของประเภทของธุรกิจอื่น ๆ ภายในพื้นที่ นอกจากนี้ ความเหมาะสม ในการเปิดร้านกาแฟสามารถพิจารณาได้จากคุณลักษณะของตำแหน่งที่ตั้งและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะนำมาใช้ในการประกอบกิจการในอนาคต

- ต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับระดับของรายได้และประชากรของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ จำนวนครัวเรือน ประเภทที่พักอาศัย ประชากรตามอายุ ประเภทของการบริโภค โอกาสทางอาชีพ ระดับการศึกษา ฯลฯ เพื่อทำการประเมินคุณลักษณะของอำนาจเชิงพาณิชย์

- ต้องระบุจำนวนครัวเรือนทั้งหมด และสัดส่วนของอาคารชุดตามขนาดในพื้นที่ ที่มีอาคารชุดหนาแน่น อย่างถูกต้อง พื้นที่ที่มีอาคารชุดขนาดเล็กอย่างหนาแน่นมีอัตราส่วนการใช้จ่ายเพื่อบริโภคที่สูงกว่า

- กิจการจะสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับขนาดของประชากรแฝงซึ่งสัญจรผ่านร้าน และสามารถใช้เป็น คุณลักษณะในการประเมินความเหมาะสมของประเภทของธุรกิจตามจำนวนประชากรแฝง

- ควรทำการสำรวจประชากรแฝงในช่วงวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์ และตามช่วงเวลา กลุ่มอายุ และเพศ เวลาในการสำรวจควรอยู่ระหว่าง 12.00 14.00 น. ในช่วงที่พนักงานออฟฟิศ ทานอาหารกลางวัน ระหว่าง 15.00 16.00 น. เมื่อพ่อบ้านหรือแม่บ้านออกไปซื้อของ และระหว่าง 18.00 20.00 น. เมื่อพนักงานเลิกงาน

- นอกจากสถานะของประชากรแฝงสัญจรผ่านตำแหน่งที่ตั้งของร้าน ต้องมีการระบุอัตราส่วนของ ประชากรที่เข้ามาในร้านเช่นกัน ควรทำการระบุอัตราส่วนของประชากรที่เข้ามาในร้านที่เปิดใหม่ ด้วยการสำรวจสถานะของผู้เข้าร้านของประเภทของธุรกิจที่คล้ายกันในพื้นที่โดยรอบ

- พื้นที่ที่มีการสัญจรของระบบขนส่งสาธารณะหนาแน่น ส่งผลอย่างมากต่อธุรกิจของร้าน และพื้นที่ ดังกล่าวเรียกว่าพื้นที่ถัดกับสถานีพื้นที่ถัดกับสถานีหมายถึงพื้นที่ที่ขนส่งสาธารณะ เช่น สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ป้ายรถประจำทาง และสถานีรถประจำทางภายในเมืองมีผลกระทบอย่างสูง กับพื้นที่เชิงพาณิชย์

- ในการเลือกตำแหน่งที่ตั้งของร้านใกล้กับพื้นที่ถัดกับสถานี ควรทำการระบุทิศทางในการเดินทาง ของผู้ใช้งาน และร้านควรอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งในแนวเดียวกันกับทิศทางการเดินทางของลูกค้า ที่อาจจะเข้ามาใช้บริการ

- ในการเลือกตำแหน่งที่ตั้งในพื้นที่ถัดกับสถานี จำเป็นต้องกำหนดเส้นทางออกที่มีการสัญจรหนาแน่น ที่สุด และระบุคุณลักษณะของประชากรแฝง

- เป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์หากมีจำนวนร้านที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกันเป็นจำนวนมาก กับกิจการที่คุณกำลังเตรียมจะดำเนินการ ไม่ว่าเขตการค้าหรือตำแหน่งที่ตั้งจะดีแค่ไหนก็ตาม ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่ง คือประเมินความเป็นไปได้ในการเปิดร้านในตำแหน่ง ที่ตั้งที่ได้วิเคราะห์เอาไว้ และหาวิธีทำให้ร้านมีความแตกต่างจากคู่แข่งในกรณีที่มีความเป็นไปได้ ที่จะเปิดร้าน

- ควรประเมินประเด็นต่อไปนี้ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านคู่แข่ง

- การมีคู่แข่งกระจุกตัวอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งเดียวกันไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบเสมอไป และควรรู้ไว้ว่าร้านซึ่ง ประกอบกิจการคล้ายกันในพื้นที่โดยรอบ อาจส่งผลให้เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน

- ควรจะต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวของพื้นที่การค้า เนื่องจาก การโยกย้ายตำแหน่งที่ตั้งของร้านที่เริ่มประกอบกิจการไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าจะความเหมาะสม ของตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันอาจจะมีความสำคัญก็ตาม

- ประเด็นหนึ่งที่ควรใส่ใจในการประเมินความเป็นไปได้ของการเติบโตในอนาคตของสถานีรถไฟใต้ดิน การเปิดสถานีจะช่วยขยายขอบเขตพื้นที่การค้า และยังเป็นการเพิ่มจำนวนประชากรแฝง ซึ่งจะช่วย เพิ่มโอกาสในการพัฒนาพื้นที่การค้าอีกด้วย

- นอกจากนี้ ต้องทำการระบุอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาคารสูง และสถาบันเอกชนต่าง ๆ ซึ่งเริ่มมีการก่อสร้างภายในพื้นที่การค้า นอกจากนี้ การขยายเส้นทางถนนส่งผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงในพื้นที่การค้าดังกล่าว

- บ่อยครั้งเวลาค้นหาร้านที่ต้องการ คุณมักจะพบกับร้านค้าซึ่งต้องใช้ต้นทุนคงที่ในการลงทุนสูง เช่น เบี้ยประกันภัยที่แพง ทำให้ร้านดังกล่าวไม่เหมาะกับความพร้อมด้านเงินทุน ในกรณีดังกล่าว หากคุณเริ่มประกอบธุรกิจด้วยการแบกรับภาระเกินความสามารถด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น จัดตั้งแผนระดม เงินทุนที่ไม่สมเหตุสมผล หรือชำระค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงกว่าร้านค้าโดยรอบเพื่อหวังผลสำเร็จโดยเร็ว คุณจะต้องทนอยู่กับความกดดันทางการเงินตลอดเวลา และไม่สามารถทุ่มเทเวลากับการประกอบ ธุรกิจของคุณได้เต็มที่

- ในการเริ่มต้นธุรกิจ คุณจำเป็นต้องมีเงินทุนอย่างต่ำ 1.5 เท่าของจำนวนที่จำเป็นในการลงทุนทางธุรกิจ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะลงทุนประมาณร้อยละ 60 70 ของเงินทุนที่มีเท่านั้น และเก็บที่เหลือเป็นเงินทุน สำรองอย่างน้อยในการดำเนินการกิจกรรมทางธุรกิจต่อไป

- ดังนั้น จึงเป็นเรื่องซึ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายกับเงินลงทุน และไม่ควร หลงเชื่อว่าคุณจะได้ยอดขายจากตำแหน่งที่ตั้งเท่านั้น ควรทำการตรวจสอบให้มั่นใจถึงความสัมพันธ์ ระหว่างต้นทุนในการซื้อร้านและอัตราผลตอบแทนด้วย