ข้อห้ามต่อหลักปฏิบัติด้านการค้าที่ไม่เป็นธรรม
ข้อห้ามต่อหลักปฏิบัติด้านการค้าที่ไม่เป็นธรรม
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กระทำการ หรือทำให้องค์กรธุรกิจอื่น ๆ กระทำการใดดังต่อไปนี้ ที่ทำให้การประกอบธุรกิจของแฟรนไชส์อย่างเป็นธรรมต้องหยุดชะงัก (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13(1) และภาคผนวก 2)
1. การปฏิเสธการทำธุรกรรม: ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ระงับ หรือปฏิเสธที่จะจัดหาสินค้า บริการ การสนับสนุนและอื่นๆ เป็นการชั่วคราว หรือกระทำการใด ๆ เพื่อจำกัดการจัดหาเดียวกันโดยเด่นชัด ข้อกำหนดดังกล่าวได้รับการยกเว้นในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ เนื่องด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ เช่น การฝ่าฝืนสัญญา และอื่น ๆ
ประเภท
|
มาตรฐานโดยละเอียด
|
ข้อห้ามในการปฏิเสธการสนับสนุนด้านการขาย และอื่น ๆ
|
ในช่วงเวลาของการทำธุรกรรมทางธุรกิจ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ระงับ หรือปฏิเสธการจัดหาอสังหาริมทรัพย์ การบริการ อาคาร สินค้า วัตถุดิบ หรือวัสดุในการผลิตที่จำเป็น ให้แก่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ หรือยุติการให้การสนับสนุน และอื่น ๆในการจัดการ และกิจกรรมการขาย หรือกระทำการใด ๆ เพื่อจำกัดการจัดหาเดียวกันโดยเด่นชัด
|
ข้อห้ามในการปฏิเสธ การต่ออายุสัญญา โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ปฏิเสธการต่ออายุสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ข้อห้ามในการเพิกถอน สัญญา โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่เพิกถอนสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ในช่วงเวลาสัญญายังมีผลบังคับใช้ โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
2. ธุรกรรมที่มีเงื่อนไข: ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ห้ามหรือจำกัดราคาสินค้าหรือบริการ คู่ค้าทางธุรกิจ พื้นที่การขาย หรือกิจกรรมทางธุรกิจของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ โดยไม่มีเหตุผลอันควร
ประเภท
|
มาตรฐานโดยละเอียด
|
ข้อห้ามในการจำกัดราคา
|
1. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กระทำการดังกล่าวโดยไม่มีมูลเหตุที่พิสูจน์ได้: ตรึงราคาสินค้าหรือบริการที่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ขาย และกำหนดให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ต้องรักษาราคาตามที่กำหนดจำกัดผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในการกำหนดราคาของสินค้า หรือบริการโดยไม่มีเหตุผลอันควร บังคับให้กำหนดราคาขายโดยไม่ปรึกษากันล่วงหน้า 2. อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในการกระทำต่อไปนี้: การกระทำเพื่อกำหนดราคาขายและแนะนำราคาเดียวกันกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ร่วมกันปรึกษากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ เพื่อกำหนดหรือแก้ไขราคาขายเป็นการล่วงหน้า
|
ข้อห้ามในการจำกัดฝ่ายอื่นในการทำธุรกรรม
|
1. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่บังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทำการค้ากับฝ่ายใดก็ตาม (รวมไปถึงผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ด้วยกันเอง) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ การขาย การเช่าและอื่น ๆ ของอสังหาริมทรัพย์ บริการ อาคาร สินค้า วัตถุดิบ หรือวัสดุการผลิตโดยไม่มีเหตุผลอันควร 2. อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในกรณี ดังนี้: เมื่อเป็นที่สังเกตเชิงรูปธรรมว่าอสังหาริมทรัพย์ บริการ อาคาร สินค้า วัตถุดิบ และวัสดุการผลิตดังกล่าว มีความสำคัญในการจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ เมื่อเป็นที่สังเกตเชิงรูปธรรมได้ว่า มีความยุ่งยากในการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า ของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ และในการรักษาอัตลักษณ์ของสินค้า หรือบริการหากผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ไม่ทำธุรกิจกับฝ่ายใด ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ทำสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ หลังแจ้งให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทราบล่วงหน้าถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องผ่านคำแถลงการเปิดเผยข้อมูล
|
ข้อห้ามในการจำหน่าย สินค้าหรือบริการ ของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
|
1. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ทำให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ขายสินค้า หรือบริการที่กำหนดหรือจำกัดการขายสินค้าหรือบริการขึ้นอยู่กับคู่สัญญาอีกฝ่ายในการทำธุรกรรมโดยไม่มีเหตุผลอันควร 2. อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีต่อไปนี้: เมื่อเป็นที่สังเกตเชิงรูปธรรมว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ในการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ และในการรักษาอัตลักษณ์ของสินค้าหรือบริการ หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์มีข้อจำกัดของสินค้าและบริการ ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ทำสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ หลังแจ้งให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทราบล่วงหน้าถึงข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวข้องผ่านคำแถลงการเปิดเผยข้อมูล
|
ข้อห้ามในการบีบบังคับ พื้นที่ขาย
|
1. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่บีบบังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ปฏิบัติตามพื้นที่ขายโดยไม่มีเหตุผลอันควร 2. อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ตามการกระทำดังนี้: การกระทำที่ให้ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์กำหนดฐานการขาย การกระทำที่อนุญาตให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ขายในพื้นที่ นอกเหนือจากพื้นที่ขายของเขา/เธอ หากผู้รับสิทธิแฟรนไชส์บรรลุตามความรับผิดชอบในการขายของเขา/เธอในพื้นที่ขายของเขา/เธอ หรือการกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ต้องชำระค่าชดเชยเทียบเท่ากับต้นทุนในการประชาสัมพันธ์ เช่น ค่าโฆษณา และอื่น ๆ ให้แก่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์อีกราย ในพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ขายของเขา/เธอ หากผู้รับสิทธิแฟรนไชส์มีความจำนงที่จะขายในพื้นที่ นอกเหนือจากพื้นที่ขายของเขา/เธอ
|
ข้อห้ามอื่น ๆ ของกิจกรรมการขายของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
|
1. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่จำกัดกิจกรรมการขายใด ๆ ของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ซึ่งเทียบเท่ากับการกระทำข้างต้น โดยไม่มีเหตุผลอันควร 2. อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีต่อไปนี้: กรณีที่สังเกตเชิงรูปธรรมว่าเป็นเรื่องย่งยากในการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ และในการรักษาอัตลักษณ์ของสินค้าหรือบริการ หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์มีข้อจำกัดสินค้าและบริการ ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ทำสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์หลังแจ้งให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทราบล่วงหน้าถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องผ่านคำแถลงการเปิดเผยข้อมูล
|
3. การใช้สถานะทางธุรกรรมโดยมิชอบ: ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ใช้ตำแหน่งที่มีส่วนร่วมในการทำธุรกรรมมิชอบดังต่อไปนี้ เพื่อทำให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์เสียเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12(1) อนุวรรค 3) อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีต่อไปนี้: กรณีสังเกตเชิงรูปธรรมว่า เป็นเรื่องยุ่งยากในการคุ้มครองเครื่องหมายการค้าของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ และในการรักษาอัตลักษณ์ของสินค้าหรือบริการ หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์มีข้อจำกัดสินค้าและบริการ ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ทำสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์หลังแจ้งให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทราบล่วงหน้าถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องผ่านคำแถลงการเปิดเผยข้อมูล
ประเภท
|
มาตรฐานโดยละเอียด
|
ข้อห้ามในการบีบบังคับ ให้ซื้อ
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่บีบบังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทำการจัดซื้อหรือเช่าอาคาร อุปกรณ์ สินค้า บริการ วัตถุดิบ วัสดุในการผลิต และอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ หรือในจำนวนที่เกินกว่าที่กำหนด
|
ข้อห้ามในการบีบบังคับ โดยที่ไม่มีเหตุผลอันควร
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่บีบบังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์จัดหากำไรทางการเงินหรือเป็นออกค่าใช้จ่ายโดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ในสัญญา โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่จัดทำหรือปรับข้อกำหนดในสัญญาที่ยากต่อการบังคับใช้หรือไม่เอื้อต่อผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ นอกจากนี้ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่จัดทำหรือปรับข้อกำหนดในสัญญาที่ไม่เอื้ออย่างเด่นชัด เมื่อเทียบกับข้อกำหนดและเงื่อนไขในปัจจุบัน หรือข้อกำหนดและเงื่อนไขของแฟรนไชส์อื่น
|
ข้อห้ามในการแทรกแซง การจัดการ
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่บังคับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ให้บริหารร้านแฟรนไชส์ด้วยบุคคอื่นใด โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ข้อห้ามในการบังคับ ยอดขาย
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่บังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ตั้งยอดขายและบรรลุตามเป้า โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
ข้อห้ามในการกำหนด ข้อเสียเปรียบ
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กำหนดข้อเสียเปรียบกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ซึ่งเทียบเท่ากับการกระทำข้างต้นโดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
4. การกำหนดภาระผูกพันในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยไม่มีเหตุผลอันควร: ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กำหนดภาระผูกพันให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ต้องชดใช้ความเสียหาย หรือกำหนดค่าปรับที่เกินจริงเมื่อเทียบกับเกณฑ์ต่อไปนี้ เช่น วัตถุประสงค์และเนื้อหาของสัญญา และการขาดทุนที่จะเกิดขึ้น (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12(1) อนุวรรค 5 และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 ภาคผนวก 2 อนุวรรค 4)
ประเภท
|
มาตรฐานโดยละเอียด
|
การกำหนด ค่าปรับเกินจริง
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ระบุข้อกำหนดในสัญญาในส่วนค่าปรับที่เกินจริง หรือกำหนดข้อกำหนดในลักษณะที่คล้ายกัน ดังนี้: สถานการณ์ที่นำไปสู่การยกเลิกสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ ระดับความรุนแรงของความผิดที่มอบหมายให้แต่ละฝ่ายของธุรกิจแฟรนไชส์ ระยะเวลาที่เหลือของสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ ปริมาณความเสียหายของระยะเวลาที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ คาดว่าต้องใช้ในการทำสัญญากับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์รายใหม่ เมื่อเพิกถอนสัญญาก่อนหมดระยะสัญญา เป็นต้น ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กำหนดข้อกำหนดในสัญญา สำหรับความเสียหายที่เกินจริงที่เกิดจากความล่าช้า หรือกำหนดข้อกำหนดเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับกรณีต่อไปนี้: สถานการณ์ที่นำไปสู่ความล่าช้าในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ หลักปฏิบัติทั่วไปในการทำธุรกรรม เป็นต้น
|
การเปลี่ยนภาระผูกพัน ด้านการชดใช้ ความเสียหาย ให้แก่ผู้บริโภค
|
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กำหนดข้อกำหนดในสัญญา ให้เป็นภาระหน้าที่ของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน ในกรณีที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากความบกพร่องของสินค้าที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เป็นผู้จัดหาให้กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
|
ข้อกำหนด ที่ไม่มีเหตุผลอันควรอื่น ๆ ด้านการชดใช้ ความเสียหาย
|
สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำเพื่อกำหนดตามข้อกำหนดตามสัญญาสำหรับการลงโทษที่มากเกินจริง หรือ การกำหนดข้อกำหนดเดียวกัน หรือ เปลี่ยนภาระหน้าที่การชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภค ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่ผลักภาระหรือเปลี่ยนภาระการชดใช้ความเสียหายของผู้บริโภคให้กับผูรับสิทธิแฟรนไชส์ โดยไม่มีเหตุผลอันควร
|
5. การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอื่น ๆ: ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการแทรกแซงธุรกรรมแฟรนไชส์ที่เป็นธรรม เช่น กำหนดข้อเสียเปรียบด้านยอดขาย กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ของตนเอง หรือกับธุรกิจแฟรนไชส์ของคู่แข่ง ด้วยการโน้มน้าวให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ของตนเอง ทำการแข่งขันทางด้านธุรกรรมให้กับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12(1) อนุวรรค 6 และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 ภาคผนวก 2 อนุวรรค 5)
การลงโทษการละเมิด
- ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรมต่อผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องถูกดำเนินการตามมาตรการแก้ไข ชำระเบี้ยปรับเงินเพิ่ม เป็นต้น (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 33, 34, 35 และ 41(2) อนุวรรค 2)
ข้อห้ามในการละเมิดพื้นที่การขายที่ไม่เป็นธรรม
ข้อห้ามในการละเมิดพื้นที่การขายที่ไม่เป็นธรรม
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องกำหนดพื้นที่ในการขายให้กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ และกำหนดพื้นที่ในการขายดังกล่าว ในขณะเข้าทำสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-4(1))
· อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์มีความจำนงที่จะเปลี่ยนพื้นที่ในการขายในปัจจุบัน ในช่วงเวลาการต่ออายุสัญญาธุรกิจแฟรนไชส์ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น มีการเปลี่ยนแปลง ที่มีความสำคัญในเขตพาณิชย์ หรือสาเหตุอื่นใด ตามที่ระบุด้านล่าง ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ ต้องบรรลุถึงข้อตกลงเดียวกันกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-4(2) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13-4)
√ เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันในเขตธุรกิจ เนื่องจาก การบูรณะ การพัฒนาใหม่ หรือการก่อสร้างเมืองใหม่
√ เกิดการเปลี่ยนแปลงเด่นชัดในประชากรผู้อยู่อาศัย หรือประชากรแฝงในเขตธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
√ เกิดการเปลี่ยนแปลงเด่นชัดด้านความต้องการของสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง เนื่องจาก เกิดการเปลี่ยนแปลงในค่านิยมของผู้บริโภค เป็นต้น
√ ในกรณีที่ถือว่าไม่มีเหตุผลอันควรที่เด่นชัด ในการคงไว้ซึ่งพื้นที่ธุรกิจปัจจุบัน ด้วยเหตุผลใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือเหตุผลอื่น
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่เปิดร้านค้าปลีกขายตรงหรือร้านแฟรนไชส์(หมายถึงบริษัทในเครือตาม「พระราชบัญญัติการผูกขาดและการค้าที่เป็นธรรม」 มาตรา 2 วรรค 12 มีผลบังคับใช้เดียวกันในสัญญานี้)ของตนเอง หรือบริษัทในเครือของธุรกิจประเภทเดียวกัน(หมายถึงประเภทธุรกิจที่อาจเป็นที่ยอมรับว่า เป็นธุรกิจประเภทเดียวกันในแง่ของภูมิภาค และระดับความต้องการของมนุษย์ รายการสินค้าที่เกี่ยวข้อง รูปแบบและวิธีทำการค้า) ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่การขายของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในช่วงเวลาที่สัญญาธุรกิจแฟรนไชส์มีผลบังคับใช้ โดยไม่มีเหตุผลอันควร (「พระราชบัญญัติการผูกขาดและการค้าที่เป็นธรรม」 มาตรา 12-4(3))
การลงโทษการละเมิด
- ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ละเมิดพื้นที่การขายของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องโทษเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามกำหนดโดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 35(1))
ข้อห้ามในการกดดันให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้าอย่างไม่เป็นธรรม
ข้อห้ามในการกดดันให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้าอย่างไม่เป็นธรรม
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่โน้มน้าวให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ให้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้า อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้ไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีใด ๆ ต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-2(1) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13-2(1))
· ในกรณีซึ่งอาคาร อุปกรณ์ การตกแต่งภายใน และอื่น ๆ ของร้านค้ามีสภาพทรุดโทรมอย่างชัดเจน
· ในกรณีซึ่งเกิดความยุ่งยากในการรักษาเอกภาพของธุรกิจแฟรนไชส์ เนื่องจากปัญหาด้านสุขอนามัย หรือข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย หรือเหตุผลที่สอดคล้องกัน หรือข้อบกพร่องดังกล่าว ขัดขวางการประกอบธุรกิจโดยทั่วไป
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้า
- สำหรับต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้าของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ เช่น ต้นทุนในการเปลี่ยนป้ายโฆษณา และต้นทุนของงานตกแต่งภายใน (หมายถึง ต้นทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากงานตกแต่งภายใน ยกเว้นต้นทุนการเปลี่ยนอุปกรณ์และภาชนะต่าง ๆ) ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับร้อยละที่ระบุด้านล่าง และไม่เกินร้อยละ 40 ของต้นทุน (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-2(2) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13-2(2) และ (3))
· สำหรับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้าที่ไม่รวมการต่อเติมหรือการย้ายสถานที่ร้าน: ร้อยละ 20
· สำหรับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้าที่รวมการต่อเติมหรือการย้ายสถานที่ร้าน: ร้อยละ 40
※ อย่างไรก็ตาม ให้ยกเว้นต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มเติม ซึ่งกระทำโดยผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเอกภาพของธุรกิจแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-2(2) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13-2(2) อนุวรรค2)
※ ในกรณีใดดังต่อไปนี้ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่าย ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้า (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 ยกเว้นในมาตรา 12-2(2))
√ ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์สมัครใจทำการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้า โดยไม่ได้ถูกร้องขอโดยผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์
√ ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ จำเป็นต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้านค้า อันเนื่องมาจากปัญหาด้านความสุขอนามัย ความปลอดภัย และปัญหาอื่นที่คล้ายคลึง ซึ่งทำให้เขา/เธอไม่สามารถโต้แย้งได้
การลงโทษการละเมิด
- หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์บังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ต้องทำการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของร้าน ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องโทษเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามกำหนดโดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 35(1))
ข้อห้ามในการจำกัดชั่วโมงทำการที่ไม่เป็นธรรม
ข้อห้ามในการจำกัดชั่วโมงทำการที่ไม่เป็นธรรม
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องไม่จำกัดชั่วโมงทำการที่ไม่เป็นธรรมกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ข้อห้ามในการจำกัดชั่วโมงทำการที่ไม่เป็นธรรม") เกินกว่าการปฏิบัติทางธุรกรรมปกติ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-3(1))
การกระทำที่ถือว่าเป็นการจำกัดชั่วโมงทำการที่ไม่เป็นธรรม
- การกระทำใดต่อไปนี้โดยผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ให้ถือว่าเป็นการจำกัดชั่วโมงทำการที่ไม่เป็นธรรม (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-3(2) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13-3)
1. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่อนุญาตให้ลดชั่วโมงทำการ แม้ว่าผู้รับสิทธิแฟรนไชส์จะยื่นคำร้อง กับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เพื่อขอลดชั่วโมงทำการ เพราะเวลาทำการตั้งแต่ 00.00 น. ถึง 06.00 น. หรือ 01.00 น. ไม่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการประกอบธุรกิจดังกล่าว ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่นลักษณะของเขตธุรกิจซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ และผลการขาดทุนจากการดำเนินงานเกิดขึ้นสามเดือนก่อนเดือนที่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ยื่นคำร้องขอลดชั่วโมงทำการดังกล่าว
2. ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่อนุญาตให้ลดจำนวนชั่วโมงทำการ ถึงแม้ว่า ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์จะยื่นคำร้องกับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เพื่อขออนุญาตลดจำนวนชั่วโมงทำการลงเล็กน้อย ด้วยเหตุผลจำเป็น เช่น การรักษาโรค
การลงโทษการละเมิด
- ในกรณีซึ่งผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์บังคับให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์รักษาชั่วโมงทำการที่กำหนด อย่างไม่เป็นธรรมผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องโทษเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามที่กำหนด โดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 35(1))
การแจ้งการดำเนินการและรายละเอียดการดำเนินการการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
ความยินยอมของผู้ประกอบกิจการแฟรนไชส์ในการดำเนินการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
- กรณีผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จัดกิจกรรมการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โดยผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือบางส่วน (ยกเว้นกรณีจัดกิจกรรมการโฆษณา·ประชาสัมพันธ์ตามข้อตกลงระหว่างผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์) การรับผิดชอบสำหรับชำระค่าใช้จ่ายนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ที่ถือเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งของแฟรนไชส์สูงตามดังต่อไปนี้ อย่างไรก็ตาม กรณีกิจกรรมประชาสัมพันธ์ สามารถดำเนินการได้เฉพาะกับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ที่ตกลงรับผิดชอบชำระค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-6(1) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 13-6(1))
· กรณีของโฆษณา: 50 ใน 100 ส่วน
· กรณีของกิจกรรมประชาสัมพันธ์: 70 ใน 100 ส่วน
การพิจารณาจัดกิจกรรมการสำรวจรายละเอียดการดำเนินการโฆษณาและส่งเสริมการขาย
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องแจ้งรายละเอียด/สำรวจ กรณีผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ดำเนินการโฆษณาหรือกิจกรรมประชาสัมพันธ์โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือบางส่วนเอง และกรณีมีการแจ้งรายละเอียดถึงต่อผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 12-6(2)).
การลงโทษการละเมิด
- บุคคลที่ฝ่าฝืนโดยไม่แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณาหรือกิจกรรมประชาสัมพันธ์ จะมีโทษปรับไม่เกิน 10 ล้านวอน(「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 43(6) ข้อ 7).
- ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่สามารถจัดหาข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการโฆณษา และประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้องและการพิจารณาดังกล่าว ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องถูกดำเนินตามมาตรการแก้ไข และต้องโทษเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ตามกำหนดโดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 33(1), 34 และ 35)
ภาระผูกพันอื่น ๆ
ภาระผูกพันของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ต้องบรรลุตามภาระผูกพันต่อไปนี้ระหว่างที่ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 5)
· คิดแผนธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จ
· ดำเนินการอย่างต่อเนื่องด้านการจัดการโภคภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพ และการพัฒนากลวิธีการขาย
· จัดหาอาคารสำหรับร้านค้าให้กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ และจัดหาโภคภัณฑ์หรือบริการ ในราคาและต้นทุนที่เหมาะสม
· จัดหาลูกจ้างได้รับการศึกษาและฝึกอบรมให้กับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
· ให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในเรื่องการจัดการและการประกอบธุรกิจ
· ละเว้นการจัดตั้งร้านค้าปลีกขายตรงภายในเขตธุรกิจของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ หรือจัดตั้งร้านค้าแฟรนไชส์ที่ประกอบธุรกิจคล้ายกับธุรกิจของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
· พยายามหาวิธียุติข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ด้วยการเจรจาหรือการต่อรอง