การจัดเตรียมคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูล
ภาระผูกพันในการจัดเตรียมคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลโดยผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์และอื่น ๆ
- ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ (รวมถึงกรณีที่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์แบบตัวแทนหรือนายหน้าแฟรนไชส์ เป็นผู้จัดหาผู้รับสิทธิแฟรนไชส์) จะต้องให้คำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลที่มีการจดทะเบียน หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในคำแถลงที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วแก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ตามขั้นตอนวิธีการ เช่น จดหมายที่ได้รับการรับรองเนื้อหา เป็นต้น ในช่วงเวลาที่การส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูล อาจได้รับการยืนยันอย่างเป็นรูปธรรม (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรม」 มาตรา 7(1) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้ กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 6(1))
· ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์
※ ในกรณีนี้ต้องมีการจัดทำและส่งมอบเอกสารที่ระบุเนื้อหาต่อไปนี้ทั้งหมด (รายการ ① ถึง ③ ที่แสดงด้านล่างจะต้องจัดทำโดยผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ด้วยลายลักษณ์อักษร) จะต้องจัดเตรียมและส่งมอบให้กับผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
①ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ได้รับคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูล วันที่ และเวลา และสถานที่ในการรับคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูล
② ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
③ ลายเซ็น หรือลายเซ็นและตราประทับของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
④ ลายเซ็น หรือลายเซ็นและตราประทับของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์
· การส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลแฟรนไชส์แก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์โดย การส่งจดหมายที่ได้รับการรับรองเนื้อหา ซึ่งอาจเป็นการยืนยันระยะเวลาของการจัดเตรียมคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลได้
· การส่งหนังสือบอกกล่าวรายละเอียดของคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลแฟรนไชส์โดยการใช้เครือ ข่ายข้อมูลและการสื่อสาร และการแจ้งให้ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทราบถึงข้อเท็จ จริงของการส่งหนังสือบอกกล่าว (ในกรณีนี้ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องจัดทำระบบที่สามารถส่งผ่าน คำแถลงไปยังผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ที่เฉพาะเจาะจงได้ และผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์อาจ ยืนยันเวลาที่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ดังกล่าวได้อ่านรายละเอียดของคำแถลงในการ เปิดเผยข้อมูลแฟรนไชส์)
· การส่งไฟล์อิเล็กทรอนิกที่มีรายละเอียดของคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลแฟรนไชส์ไปยังที่อยู่ อีเมลของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (ในกรณีนี้ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องใช้วิธีการที่ช่วย ให้สามารถยืนยันเวลาการส่งและเวลารับอีเมลได้)
※ ในกรณีที่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ได้รับคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลผ่านวิธีการที่ระบุไว้ใน ③ และ ④ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องใช้มาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าคำแถลงในการเปิดเผย ข้อมูลแฟรนไชส์สามารถพิมพ์หรือส่งออกในรูปแบบของเอกสารได้ (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 ยกเว้นในมาตรา 6(1))
- เมื่อผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เห็นว่ามีความจำเป็น ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์อาจจัดเตรียมเอกสารข้อมูลที่เปิดเผยแยกแต่ละส่วน และส่งมอบเอกสารดังกล่าวแก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ในกรณีนี้ ต้องจัดให้มีสารบัญแจงข้อมูลในคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลแฟรนไชส์ (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 6(2))
- การจัดเตรียมเอกสารที่ระบุสถานะปัจจุบันของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ข้างเคียง
· ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลพร้อมเอกสารที่ระบุ ชื่อการค้า สถานที่ตั้ง และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์สิบแห่งที่อยู่ติดกับสถานที่ ที่วางแผนให้เป็นที่ตั้งของร้านค้าในอนาคตของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์มากที่สุด (ในกรณีที่จำนวนผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ที่ดำเนินธุรกิจในพื้นที่ท้องถิ่นของมหานครซึ่งมีการวางแผนให้เป็นที่ตั้งของร้านค้าในอนาคตของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์มีน้อยกว่าสิบแห่งในช่วง เวลาที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูล ให้ให้ข้อมูลผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ทั้งหมดในท้องถิ่นเมืองที่เกี่ยวข้อง) (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 บทหลักของมาตรา 7(2))
※ อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้มีการกำหนดสถานที่ตั้งตามแผนสำหรับร้านค้าในอนาคต เมื่อผู้ให้สิทธิ แฟรนไชส์ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิ แฟรนไชส์จะต้องส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลทันที เมื่อผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรน ไชส์ได้กำหนดสถานที่ตั้งตามแผนสำหรับร้านค้าในอนาคต(「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 เงื่อนไขในมาตรา 7(2))
การจัดเตรียมเกี่ยวกับเนื้อหาสำคัญที่มีการแก้ไข
- ในกรณีที่มีการแก้ไขเนื้อหาสำคัญหลังจากที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อ มูลแล้ว แต่ก่อนที่จะทำสัญญาแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องแจ้งให้ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ทราบถึงเนื้อหาที่มีการแก้ไขดังกล่าวโดยไม่ล่าช้า ด้วยวิธีการที่ใช้ส่งมอบต่าง ๆ เช่น ด้วยตนเอง ทางไปรษณีย์ ส่งเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 6(3))
กิจกรรมต้องห้าม เช่น การไม่ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลและอื่น ๆ
กิจกรรมต้องห้าม เช่น การไม่ส่งมอบคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลและอื่น ๆ
- ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่ส่งมอบเอกสารการเปิดเผยข้อมูลที่ลงทะเบียน และ เอกสารที่ระบุสถานะปัจจุบันของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ข้างเคียง ไม่เกินวันที่ส่งมอบคำแถลงในการเปิด เผยข้อมูล (7 วัน ในกรณีที่ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ได้รับคำแนะนำและข้อเสนอแนะ จากนักกฎหมายหรือผู้ค้าแฟรนไชส์เกี่ยวกับคำแถลงในการเปิดเผยข้อมูล) หรือ 14 วัน ผู้ให้สิทธิ แฟรนไชส์จะต้องไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการรับค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์จากผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ หรือสรุปสัญญาแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 7(3))
※ ในกรณีนี้หากผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ได้วางเงินมัดจำแฟรนไชส์ของเขา/เธอใน สถานที่รับฝากเงิน จะถือว่าผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ได้รับเงินมัดจำแฟรนไชส์ดังกล่าวในวันที่มีการฝาก เงินเริ่มต้นหรือวันที่มีการตกลงกันระหว่างผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์และผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรน ไชส์เพื่อทำการวางมัดจำครั้งแรกสำหรับค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (「พระราช บัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 7(3) อนุวรรค 1)
การลงโทษที่กำหนดไว้สำหรับการละเมิด
- หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ได้รับค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์หรือเข้าทำสัญญาแฟรนไชส์ในลักษณะที่มีการ ละเมิดเนื้อหาใดก็ตามที่ระบุไว้ข้างต้น ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะได้รับการลงโทษด้วยการกระทำที่ถูกต้องและต้องโทษจำคุกโดยใช้แรง งานไม่เกินสองปี หรือโทษปรับไม่เกินห้าสิบล้านวอน (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 33(1) มาตรา 35 และมาตรา 41(3) อนุวรรค 2)
ข้อห้ามในการให้ข้อมูลเท็จหรือเกินจริงและอื่น ๆ
ข้อห้ามในการให้ข้อมูลเท็จหรือเกินจริงและอื่น ๆ
- ห้ามมิให้ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ใด ๆ มีส่วนร่วมในการกระทำดังต่อไปนี้เมื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ประสงค์ เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(1) และ (2) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจ」 แฟรนไชส์ มาตรา 8)
· การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือเกินจริง: การให้ข้อมูลที่แตกต่างจากข้อเท็จจริงหรือการให้ข้อมูล ที่เกินจริง
1. การแสดงข้อมูลรายรับโดยประมาณของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์เกินจริง โดยไม่มีมูลเหตุเชิงประจักษ์ หรือการให้ข้อมูลที่แตกต่างจากข้อเท็จจริง เช่น การรับประกันรายได้ขั้นต่ำ เป็นต้น
2. การให้ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับการวิเคราะห์ย่านธุรกิจที่มีการวางแผนให้เป็นสถานที่ ตั้งร้านค้าของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
3. การอ้างว่าผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ได้รับสิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ยังไม่ เคยได้รับ
4. การกระทำใด ๆ ที่กำหนดและประกาศต่อสาธารณะโดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลที่แตกต่างจากข้อเท็จจริงหรือเป็นข้อเท็จจริงที่เกินจริงเกี่ยวกับการกระทำดัง กล่าวข้างต้น
· การให้ข้อมูลหลอกลวง: การปกปิดหรือหลีกเลี่ยงความจริงที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อการสรุป หรือการรักษาสภาพสัญญาให้เหลือน้อยที่สุด
1. การให้คำแถลงในการเปิดเผยข้อมูลไปยังผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์โดยไม่ได้กล่าวถึง เนื้อหาสาระสำคัญ
2. การส่งมอบข้อมูลที่มีลักษณะเช่นเดียวกับเงิน สินค้า บริการและอื่น ๆ สามารถทำได้ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง และไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะส่งมอบเงิน สินค้า บริการและอื่น ๆ ให้แก่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ก็ต่อเมื่อตรงตามข้อกำหนดบางประการเท่านั้น
3. การกระทำใด ๆ ที่กำหนดและประกาศต่อสาธารณะโดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลโดยการปกปิดหรือหลีกเลี่ยงความจริงที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อการสรุปหรือการรักษาสภาพสัญญาให้เหลือน้อยที่สุด ที่สอดคล้องกับการกระทำดังกล่าวข้างต้น
การให้ข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรและอื่น ๆ
- เมื่อผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบข้อมูลใด ๆ ดังต่อไปนี้ให้แก่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ หรือผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องส่งมอบข้อมูลดังกล่าว เป็นลายลักษณ์อักษร (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(3))
· ข้อมูลเกี่ยวกับประมาณการผลกำไรในอนาคตของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงยอด ขาย ผลกำไร กำไรขั้นต้น และรายได้สุทธิโดยประมาณ
· ข้อมูลเกี่ยวกับผลกำไรในอดีตและประมาณการผลกำไรในอนาคตของผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงยอดขาย ผลกำไร กำไรขั้นต้น และรายได้สุทธิ
- เมื่อผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์อยู่ภายใต้หมวดหมู่ใด ๆ ดังต่อไปนี้ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องให้ข้อมูลช่วง ของยอดขายโดยประมาณและมูลฐานการคำนวณดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ประสงค์ เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (ต่อไปนี้เรียกว่า "คำแถลงการคำนวณยอดขายโดยประมาณ") (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(5) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้ กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(5))
· ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่ใช่องค์กรธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง
· ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ที่มีผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ 100 สาขาขึ้นไป (ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ถือครองเครื่องหมายธุรกิจหลายเครื่องหมายให้จำกัดเฉพาะผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ที่ใช้เครื่องหมายธุรกิจเดียวกัน) ที่เข้าทำ สัญญาหรือรักษาสถานะสัญญาไว้ ณ สิ้นงวดบัญชีก่อนหน้า
※ ช่วงของยอดขายโดยประมาณ หมายถึง ช่วงที่กำหนดเป็นยอดขายต่ำสุดและยอดขายสูงสุดที่ ประมาณการได้ว่าจะเกิดขึ้นในหนึ่งปีนับจากวันที่เริ่มต้นธุรกิจ ณ สถานที่ตั้งตามแผนสำหรับร้านค้า ของผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ในกรณีเช่นนี้ ยอดขายสูงสุดจะต้องไม่เกิน 1.7 เท่าของ ยอดขายต่ำสุด (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจ แฟรนไชส์」 มาตรา 9(3))
※ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องยึดถือตามคำแถลงการคำนวณยอดขายโดยประมาณดังกล่าวเป็นเวลาห้า ปีนับจากวันที่ลงนามทำสัญญาแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรม ในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(6))
※ ขอแนะนำให้ใช้แบบฟอร์มมาตรฐานสำหรับคำแถลงการคำนวณยอดขายโดยประมาณที่กำหนด โดยคณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจ แฟรนไชส์」 มาตรา 9(7))
- ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบข้อมูลตามที่ระบุไว้ข้างต้น ให้เก็บวัตถุพยานที่ใช้เป็นเกณฑ์ สำหรับการคำนวณข้อมูลดังกล่าวไว้ที่สำนักงาน (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(4) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็น ธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(1))
· ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุผลที่มาและการคาดการณ์ตามความเป็นจริงที่ใช้สำหรับการคำนวณผลกำไรใน ปัจจุบันหรือผลกำไรโดยประมาณ
· ข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นพื้นฐานของการคำนวนกำไรปัจจุบัน หรือกำไรโดยประมาณ
1. จำนวนร้านที่เป็นแฟรนไชส์ (คือร้านค้าปลีกที่จัดการโดยตรงและร้านที่เป็นแฟรนไชส์) เป็นพื้นฐานตามข้างต้น
2. จำนวนของร้านในรายการ A เทียบกับจำนวนของร้านทั้งหมดในธุรกิจแฟรนไชส์นั้น
3. ระยะทางระหว่างที่ตั้งของร้านที่ปรากฏในรายการ A และที่ตั้งของร้านที่จะเปิดใหม่
· จำนวนและเปอร์เซ็นต์ของร้านค้าแฟรนไชส์ที่ทำกำไรในระดับเดียวกับผลกำไรในปัจจุบันหรือผล กำไรโดยประมาณที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์หรือนายหน้าแฟรนไชส์ระบุหรือชี้แจงในช่วงเวลาที่ กำหนดล่าสุด (ในกรณีเช่นนี้ จะระบุวันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดของช่วงเวลาที่กำหนดล่าสุด)
- ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์หรือผู้รับสิทธิแฟรนไชส์จะต้องอนุญาตให้ผู้ประสงค์เข้าเป็น ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์หรือผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ใด ๆ เข้าตรวจสอบวัตถุดิบดังกล่าวได้ตลอดเวลา ในช่วงเวลาทำการของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ตามคำขอโดยผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์หรือ ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9(4))
การลงโทษต่อการละเมิด
- หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ส่งมอบข้อมูลที่เป็นเท็จหรือเกินจริงหรือข้อมูลหลอกลวงให้กับผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องโทษจำคุกโดยใช้แรงงานไม่เกิน ห้าปีหรือโทษปรับไม่เกิน 300 ล้านวอน (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจ แฟรนไชส์」 มาตรา 41(1))
- หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่ส่งมอบข้อมูลแก่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์หรือผู้ประสงค์เข้าเป็น ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเก็บวัตถุพยานหรือเพื่อให้สอดคล้องกับคำร้องขอวัตถุ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จะต้องโทษปรับทางปกครองไม่เกินสิบล้านวอน (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 43(6) อนุวรรค 2 และ 3)