แนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์
แนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์
- คำว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ อธิบายถึงความสัมพันธ์ต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ อนุญาตให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ใช้เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ ชื่อทางการค้า ป้าย หรือเครื่องหมายธุรกิจอื่น ๆ ของตนเองในการจำหน่ายสินค้า (รวมถึง วัตถุดิบและวัสดุต่าง ๆ) หรือบริการที่สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพหรือวิธีการทางธุรกิจที่กำหนดไว้ และให้การสนับสนุน ฝึกอบรม และควบคุมผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในเรื่องการจัดการ กิจกรรมทางธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ชำระค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ให้แก่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการใช้เครื่องหมายธุรกิจได้รับการสนับสนุน การฝึกอบรม เพื่อการจัดการ กิจกรรมทางธุรกิจอื่น ๆ ของแฟรนไชส์ดังกล่าว (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 2 อนุวรรค 1)
กิจกรรมเชิงพาณิชย์ขั้นพื้นฐาน
- ธุรกิจแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์) ครอบคลุมถึง "กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยได้รับความยินยอมให้ใช้ชื่อทาง การค้า เครื่องหมายการค้า เป็นต้น" และเป็นประเภทของกิจกรรมเชิงพาณิชย์ขั้นพื้นฐาน (「พระราชบัญญัติพาณิชย์」 มาตรา 46 อนุวรรค 20)
เงื่อนไขสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจแฟรนไชส์จะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขทุกข้อที่ระบุไว้ด้านล่าง (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 2 อนุวรรค 1)
· ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์อนุญาตให้ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ใช้เครื่องหมายธุรกิจได้
√ บุคคลที่สามจะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายทางธุรกิจโดยอิสระ โดยไม่คำนึงถึงการ จดทะเบียนเครื่องหมายธุรกิจ
· ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์จัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการตามมาตรฐานคุณภาพหรือวิธีการทางธุรกิจที่นั้น ๆ
√หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์มีหน้าที่เพียงการจัดหาสินค้าและอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์เท่านั้น ไม่นับเป็นธุรกิจแฟรนไชส์
· ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ให้การสนับสนุน ฝึกอบรม และควบคุมผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ในเรื่องการจัดการ กิจกรรมทางธุรกิจ เป็นต้น
√ หากผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายธุรกิจที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์กำหนดไว้ได้ แต่ไม่อยู่ภายใต้ข้อเสียเปรียบใด ๆ นั้นไม่นับเป็นธุรกิจแฟรนไชส์
· ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ชำระค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ให้แก่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เพื่อเป็นการตอบแทน สำหรับการใช้เครื่องหมายธุรกิจ และการสนับสนุนและการฝึกอบรม เพื่อใช้สำหรับการจัดการ กิจกรรมทางธุรกิจแฟรนไชส์ดังกล่าว เป็นต้น
√ ถึงแม้ว่าผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จัดหาสินค้าแฟรนไชส์มาในราคาที่สูงกว่าราคาขายส่ง ผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ยังต้องชำระค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์
· ธุรกิจต่อเนื่อง
√ หากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ให้การสนับสนุนเพียงชั่วคราว นั่นไม่นับเป็นธุรกิจแฟรนไชส์
การแบ่งแยกธุรกิจแฟรนไชส์จากแนวคิดที่คล้ายกัน
- โปรดทราบว่าธุรกรรมทางการค้า หรือ ผู้ค้าที่อยู่ภายใต้หมวดหมู่ใดก็ตามต่อไปนี้ ไม่นับเป็น“ธุรกิจแฟรนไชส์”
· ตัวแทนค้าต่าง: บุคคลที่มีกำไรหรือขาดทุนจากการขายสินค้าภายใต้ชื่อของตนเอง โดยที่สินค้าเป็น ของคนอื่นและได้รับค่าคอมมิชชั่นจำนวนหนึ่งนั้นเรียกว่าตัวแทนค้าต่าง (มาตรา 101 แห่ง「พระราช บัญญัติพาณิชย์」)
· ตัวแทนการค้า: คือบุคคลที่ไม่ได้ประกอบธุรกรรมเชิงพาณิชย์ด้วยตนเอง แต่ประกอบธุรกิจในนามของผู้ค้ารายอื่น โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทน หรือ นายหน้าเพื่อผู้ค้านั้น ๆ เรียกวา ตัวแทนการค้า (「พระราชบัญญัติการพาณิชย์」 มาตรา 87)
· ธุรกิจเครือข่าย: คำว่า “ธุรกิจเครือข่าย” หมายถึงธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจขายตรง ร้านค้าปลีกหลายแห่งในประเภทเดียวกันของธุรกิจ (หมายถึง เป็นการดำเนินโดยตรงของร้านค้า ภายใต้ความรับผิดชอบและเป็นไปตามการคำนวณในร้านค้าของตนเอง หรือในร้านค้าเช่า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตรงกันดังต่อไปนี้) หรือที่จัดจำหน่ายสินค้า วัตถุดิบ หรือ ให้บริการแก่ร้านค้าปลีกหลายแห่งในประเภทเดียวกันของธุรกิจ โดยในขณะเดียวกัน ก็ให้การช่วยเหลือทางด้านการจัดการ ให้คำปรึกษาไปด้วย (「พระราชบัญญัติการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบกระจายตัว」 มาตรา 2 อนุวรรค 6)
คู่สัญญาในธุรกิจแฟรนไชส์
ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
- คำว่า "ผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์" หมายถึงบุคคลใดก็ตามที่พูดคุยหรือเจรจาต่อรอง กับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ หรือผู้รับสิทธิแฟรนไชส์แบบตัวแทนที่มีเจตนาที่จะลงนามในสัญญาธุรกิจ แฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 2 อนุวรรค 4)
ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์
- คำว่า "ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์" หมายถึง ธุรกิจที่ถือใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งได้รับ จากผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เพื่อดำเนินธุรกิจร้านแฟรนไชส์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์บางอย่าง กล่าว อีกนัยหนึ่งคือเมื่อผู้ประสงค์เข้าเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์โดยตกลงทำสัญญาแฟรนไชส์กับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ เขา/เธอจะกลายเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรม ในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 2 อนุวรรค 3)
ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์
- คำว่า "ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์" หมายถึงธุรกิจที่มีสิทธิ์ในการอนุญาตให้แก่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ในการดำเนินกิจการร้านแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 2 อนุวรรค 2) เมื่อผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่สามารถจัดการกับผู้รับสิทธิแฟรนไชส์จำนวนมากได้ อาจจัดให้มีแฟรนไชส์แบบตัวแทนประจำในแต่ละภูมิภาคได้
ขอบเขตของกฎหมายและข้อบังคับสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์
แยกออกจากการบังคับใช้ใน「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」
- ในกรณีใดก็ตามต่อไปนี้ 「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」จะต้องไม่มีผลบังคับใช้ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 3 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 5(1) และ (2))
· ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ทั้งหมดที่ผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ได้ชำระให้แก่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ในช่วงระยะ เวลาไม่เกินหกเดือน นับจากวันที่เริ่มจ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ครั้งแรกไม่เกินหนึ่งล้านวอน
· ยอดขายของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์น้อยกว่า50 ล้านวอนต่อปี [ในกรณีที่เปิดธุรกิจขายปลีกโดยตรง (หมายถึงร้านค้าที่จัดการโดยตรงภายใต้ความรับผิดชอบและการจัดการของแฟรนไชส์) และขายสินค้าหรือให้บริการที่มีมาตรฐานเดียวกันหรือใช้วิธีการทางธุรกิจเหมือนกัน กับธุรกิจที่เป็นแฟรนไชส์ยอดขายของร้านนั้นก็นับในการคำนวนยอดขายนี้ด้วย]
※ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเหล่านี้ จะไม่มีผลบังคับใช้ หากจำนวนผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ ที่ได้ตกลงทำสัญญากับผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์มีมากกว่าหรือเท่ากับห้าราย (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 5 (5))
· ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ได้เปิด และดำเนินกิจการขายตรงร้านค้าปลีก ที่จำหน่ายสินค้า หรือให้บริการในลักษณะที่สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพ หรือวิธีการทางธุรกิจเช่นเดียวกับธุรกิจแฟรนไชส์ที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจแฟรนไชส์มากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป และมียอดขายน้อยกว่า 200 ล้านวอนต่อปี (รวมยอดการขายตรงร้านค้าปลีก)
※ ในกรณีเช่นนี้ จำนวนเงินจะถูกคำนวณตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ตาม「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 5(3) และ (4)
การจำแนกประเภท
|
รายละเอียด
|
เมื่อผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เริ่มต้นดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์เกินกว่าหนึ่งปี
|
① ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จัดทำงบกำไรขาดทุน จำนวนเงินจะ ขึ้นอยู่กับยอดขายที่ระบุไว้ในงบกำไรขาดทุนของปีบัญชีก่อนหน้า
|
② ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่ได้จัดทำงบกำไรขาดทุน จำนวนเงินจะเป็นยอดรวมของเกณฑ์ภาษีและยอดเงินรายได้ปลอดภาษีจากการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ วันสิ้นงวด สำหรับสองรอบบัญชีก่อนหน้า
|
เมื่อผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์เริ่มต้นดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์น้อยกว่าหนึ่งปี
|
ยอดรวมของเกณฑ์ภาษีจากการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ วันสิ้นงวด (ในกรณีที่ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไม่ยื่นแบบฟอร์มขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มณ วันสิ้นงวด หมายถึง แสดงยอดการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยประมาณ) นับตั้งแต่วันเริ่มต้นธุรกิจของผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์จนถึงวันที่ยื่นแบบฟอร์มขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ วันสิ้นงวด ให้ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่อ้างถึงในข้อ ②
|
ข้อยกเว้น
- ถึงแม้ว่าค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ทั้งหมดหรือยอดขายต่อปีของแฟรนไชส์จะลดลงจากจำนวนหรือขนาดที่กำหนด บทบัญญัติบางประการของ「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」จะมีผล บังคับใช้ ดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 3 และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 5(1) และ (2))
· บทบัญญัติที่ห้ามมิให้ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ทำการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือเกินจริงแก่ผู้รับสิทธิ แฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรมที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 9)
· บทบัญญัติทีใช้ควบคุมการคืนค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (「พระราชบัญญัติธุรกรรม ที่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์」 มาตรา 10)