ภาระผูกพันเกี่ยวกับการเพิกถอนหรือยกเลิกสัญญา
ระยะเวลาของการเพิกถอนหรือยกเลิกสัญญา
- ผู้บริโภคที่ได้ทำการสรุปสัญญากับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ในการซื้อสินค้าแล้ว อาจยกเลิกสัญญา ดังกล่าวภายในระยะเวลาที่มีให้ไว้ตามกรณีดังต่อไปนี้ได้ (หมายถึง ระยะเวลาที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำ ธุรกรรม หากระยะเวลาดังกล่าวเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด ในอนุวรรคใดอนุวรรคหนึ่งดังต่อไปนี้) (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์์」 มาตรา 17(1))
· ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสาร (รวมถึงเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ และให้มีผลบังคับเดียวกันหลังจากนี้) เกี่ยวกับเนื้อหาของสัญญา
· ภายใน 7 วัน นับจากวันที่พบหรือน่าจะพบที่อยู่ ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาของสัญญายังไม่ส่งมาถึง หรือเป็น เอกสาร ซึ่งไม่ปรากฏที่อยู่ของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ได้ส่งมาถึง หรือการยกเลิกคำสั่งซื้อซึ่งไม่ สามารถ ทำได้ภายใน 7 วัน อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์
· ในกรณีที่มีการแทรกแซงเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญา ภายใน 7 วัน นับจากวันที่การแทรกแซงนั้นสิ้นสุดลง
- ในกรณีที่มีการยกเลิกภายในระยะเวลาตามกำหนด ผู้บริโภคต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืนสินค้า (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(9))
เหตุผลของข้อจำกัดการเพิกถอนหรือการยกเลิกสัญญา
- ในกรณีดังต่อไปนี้ ห้ามไม่ให้ผู้บริโภคยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า หรือสัญญา โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ประกอบ การห้างสรรพสินค้าออนไลน์ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 บทบัญญัติหลักของมาตรา17(2) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 21)
1. เมื่อสินค้าถูกทำลายหรือเสียหาย โดยมีสาเหตุมาจากผู้บริโภค ทั้งนี้ ไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีซึ่งบรรจุภัณฑ์ เกิดความเสียหายจากการตรวจสอบสินค้า
2. เมื่อมูลค่าของสินค้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการใช้งานบางส่วนของผู้บริโภค
3. เมื่อมูลค่าของสินค้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากระยะเวลา ทำให้การนำกลับมาขายใหม่เป็นเรื่องยาก หรือเป็นไปไม่ได้
4. เมื่อบรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่คัดลอกได้ ถูกทำลาย
5. เมื่อได้เริ่มให้บริการหรือเนื้อหาดิจิทัลไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผลบังคับใช้ ในส่วนของการให้บริการ หรือเนื้อหาดิจิทัลยังไม่ได้เริ่ม ในกรณีที่สัญญานั้นประกอบไปด้วยการให้บริการ หรือเนื้อหาดิจิทัลที่แบ่ง เป็น หลายส่วน และ/หรือ
6. เมื่อคาดได้ว่า หากอนุญาตให้สามารถยกเลิกคำสั่งซื้อ และสัญญาสำหรับสินค้าที่มีการผลิตแยกต่างหาก ตามคำสั่งซื้อของผู้บริโภค หรือสินค้าอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ที่ไม่สามารถฟื้นฟูความเสียหายต่อผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ได้ และได้แจ้งข้อเท็จจริงแยกต่างหาก ล่วงหน้า เกี่ยวกับการทำธุรกรรม และได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้บริโภคแล้ว (รวมถึงเอกสารทาง อิเล็กทรอนิกส์)
ข้อยกเว้นสำหรับข้อจำกัดการเพิกถอนหรือการยกเลิกสัญญา
- ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ซึ่งไม่สามารถยกเลิกคำสั่งซื้อได้ ในกรณีที่ 2 ถึงกรณีที่ 5 ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ออนไลน์ต้องใช้มาตรการที่จำเป็นในการไม่ขัดขวางการใช้สิทธิในการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า เช่น ระบุข้อเท็จจริง อย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า หรือในที่ที่ผู้บริโภคสามารถเห็นได้ชัดเจน หรือให้ตัวอย่างฟรี ในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ใช้มาตรการดังกล่าว ผู้บริโภคอาจยกเลิกคำสั่งซื้อหรือสัญญาได้ แม้ว่าจะได้มีข้อจำกัดตามที่ให้ไว้ ข้างต้นก็ตาม (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 เงื่อนไขตามมาตรา 17(2) และบทบัญญัติหลักของมาตรา 17(6))
· ในกรณีที่ผู้บริโภคไม่สามารถยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า ตามการให้บริการตามเนื้อหาดิจิทัลหรือเนื้อหาดิจิทัลที่ระบุ ในกรณีที่ 5 ได้ ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ต้องใช้มาตรการในข้อหนึ่งข้อใดต่อไปนี้ โดยไม่เป็นการ ขัดขวางการใช้สิทธิในการยกเลิกคำสั่งซื้อ นอกจากการระบุข้อเท็จจริงของความเป็นไปไม่ได้ในการยกเลิกคำสั่งซื้อ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」เงื่อนไขตามมาตรา 17(6) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 21-2)
√ อนุญาตให้ใช้บางส่วน: การให้เนื้อหาดิจิทัลเพียงบางส่วน เพื่อการดูภาพตัวอย่างหรือฟังล่วงหน้า เป็นต้น
√ อนุญาตให้ใช้ในช่วงเวลาที่จำกัด: ให้เนื้อหาดิจิทัล โดยกำหนดให้ใช้ตามความจำกัดของเวลา
√ การให้เนื้อหาดิจิทัลเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดลอง: การให้เนื้อหาดิจิทัลซึ่งจำกัดฟังก์ชันการใช้งาน
√ ในกรณีที่ไม่สามารถทำได้จัดหาตัวอย่างสินค้าได้ตามวิธีการที่ระบุข้างต้น: การให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาดิจิทัล
- แม้ว่าผู้บริโภคจะมีเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งตามที่ระบุไว้ด้านบนของข้อจำกัด ซึ่งเนื้อหาของสินค้ามีความแตกต่าง จากที่ได้ระบุ หรือโฆษณา หรือได้ปฏิบัติต่างไปจากข้อกำหนดของสัญญา ผู้บริโภคอาจยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือสัญญาได้ภายใน 3 เดือน นับจากวันที่ได้รับผลิตภัณฑ์ หรือภายใน 30 วัน นับจากวันที่ค้นพบหรือน่าจะ ค้นพบข้อเท็จจริงดังกล่าว (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 17(3))
- ในกรณีที่คำสั่งซื้อ หรือสัญญาใด ๆ ถูกยกเลิกอันเนื่องมาจากเหตุผลที่ระบุข้างต้น ผู้ประกอบการห้าง สรรพสินค้าออนไลน์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการส่งคืนผลิตภัณฑ์ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(10))
วันที่การเพิกถอนหรือการยกเลิกสัญญามีผลบังคับ
- เมื่อผู้บริโภคยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ถือว่ามีผลบังคับใช้ในวันที่ได้ส่งเอกสารดังกล่าว(「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 17(4))
ภาระการพิสูจน์
- เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้น ไม่ว่าผู้บริโภคจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายของสินค้าไม่ว่าจะได้ทำลงนามในสัญญา การซื้อสินค้าหรือไม่และเมื่อไร และไม่ว่าได้ทำการจัดหาสินค้าหรือไม่และเมื่อไร ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ออนไลน์ต้องเป็นผู้รับภาระการพิสูจน์ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 17(5))
ผลกระทบจากการเพิกถอนและการยกเลิกสัญญา
- เมื่อผู้บริโภคได้ยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าหรือสัญญา ผู้บริโภคต้องส่งคืนสินค้าที่ได้รับการจัดหาไปให้ (ไม่มีผลบังคับ ใช้ในกรณีสินค้าที่ได้รับบริการไปแล้ว หรือเนื้อหาดิจิทัล) (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(1))
- ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ต้องดำเนินการคืนเงินตามมูลค่าของสินค้าที่ได้รับ ภายในเวลา 3 วันทำการ นับจากวันใด ๆ ดังต่อไปนี้ หากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ดำเนินการคืนเงินแก่ผู้บริโภคล่าช้า ผู้ประกอบการต้องชำระดอกเบี้ยสำหรับความล่าช้า ในอัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(2) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 21-3)
· วันที่สินค้าได้ถูกส่งคืน ในกรณีที่มีการจัดหาสินค้าโดยผู้จัดจำหน่ายตามคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์
· วันที่คำสั่งซื้อถูกยกเลิกในกรณีที่มีการจัดหาบริการหรือเนื้อหาดิจิทัลโดยผู้จัดจำหน่ายตามคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์
· วันที่คำสั่งซื้อถูกยกเลิกในกรณีที่ไม่ได้จัดหาสินค้า โดยผู้จัดจำหน่ายตามคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์
- ในการคืนเงินโดยที่ผู้บริโภคได้ชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตหรือการชำระด้วยวิธีอื่น ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ออนไลน์จะต้องร้องขอให้ผู้ให้บริการรับชำระเงิน ให้ระงับหรือยกเลิกคำร้องขอชำระเงินในทันที อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ได้รับชำระเงินจากผู้ให้บริการรับชำระเงินแล้ว ผู้ประกอบการห้าง สรรพ สินค้าออนไลน์จะต้องคืนเงินให้กับผู้ให้บริการรับชำระเงินในทันที และต้องแจ้งให้ผู้บริโภครับทราบด้วย (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(3))
- ในกรณีที่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือสัญญาหลังจากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ได้รับชำระเงินเต็มจำนวน จากผู้ให้บริการรับชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ไม่คืนเงินให้กับผู้ให้ บริการรับชำระเงิน โดยไม่มีเหตุผลอันควร ผู้บริโภคอาจร้องขอให้ผู้ห้บริการรับชำระเงิน หักลดยอดที่จะต้องคืนเงิน กับหนี้ที่ผู้บริโภคคงค้างชำระกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ดังกล่าว (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(6))
- เมื่อผู้ให้บริการรับชำระเงิน เลื่อนการหักลดหนี้ตามที่ระบุข้างต้นโดยไม่มีเหตุผลอันควร ผู้บริโภคอาจปฏิเสธ การชำระเงินให้กับผู้ให้บริการรับชำระเงิน ในกรณีเช่นนี้ ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ หรือผู้ให้ บริการรับชำระเงิน กระทำการใดที่เป็นการเสียประโยชน์แก่ผู้บริโภค เช่น การปฏิบัติกับผู้บริโภคเสมือนว่าผู้บริโภค ได้ผิดนัดชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยอาศัยเหตุของการปฏิเสธไม่ชำระเงินนั้น (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(7))
การยกเลิกคำสั่งซื้อในช่วงการปิดกิจการหรือการระงับกิจการชั่วคราว
- ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์จะต้องจัดการการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า และทำการคืนเงิน หลังจากที่มีการ ยกเลิกดังกล่าวต่อไป แม้ว่าผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ จะอยู่ในช่วงการปิดกิจการ หรือระงับกิจการ เป็นการชั่วคราวก็ตาม (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 22(1))
การชดใช้ค่าเสียหายสำหรับการเพิกถอนหรือการยกเลิกสัญญา
- ในกรณีที่มีการยกเลิกคำสั่งซื้อหรือการปฏิบัติตามสัญญาภายในระยะเวลาตามกฎหมาย สำหรับการยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือสัญญา ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ เรียกร้องให้ผู้บริโภคชำระค่าปรับ สำหรับการผิด สัญญาหรือชดใช้ค่าเสียหาย (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(9))
- เมื่อมีการใช้หรือบริโภคสินค้าไปบางส่วนแล้ว ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ อาจร้องขอให้ผู้บริโภคชำระเงิน จำนวนที่เทียบเท่ากับกำไรที่ผู้บริโภคจะได้รับจากการใช้หรือบริโภคสินค้าบางส่วนดังกล่าว หรือเทียบเท่ากับค่าใช้ จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดหาสินค้าภายในจำนวนดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 18(8) และ 「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 24)
· ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดหาส่วนของสินค้าที่บริโภคได้ดังกล่าว ในกรณีที่เป็นเรื่องยากในการนำส่วนที่บริโภค ได้ดังกล่าวมาขายใหม่ หรือราคาขายใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการที่เคยถูกใช้มาก่อน
· ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการจัดหาส่วนที่ผู้บริโภคได้บริโภคไปแล้ว ในกรณีที่สินค้าดังกล่าวประกอบด้วยวัตถุที่มี ลักษณะเหมือนกันหลายชิ้น
- ในกรณีที่เพิกถอนสัญญาการซื้อสินค้า เนื่องจากสาเหตุอันเนื่องมาจากผู้บริโภค ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ออนไลน์ อาจเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยจำนวนเงินชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว ไม่เกินกว่ายอดคำนวณรวมเงิน เพิ่มชดเชยความล่าช้า ของการไม่ชำระเงินจำนวนที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 19(1))
· ในกรณีที่ส่งคืนสินค้าที่ได้จัดหาให้ แล้วแต่ยอดเงินระหว่างกันจำนวนใดจะมากกว่า ตามรายการต่อไปนี้:
√ ค่าเช่าตามปกติสำหรับสินค้าที่ถูกได้รับคืนมา หรือจำนวนที่เท่ากับประโยชน์ตามปกติจากการใช้สินค้าดังกล่าว
√ จำนวนเงินที่คำนวณโดยหักลดราคาของสินค้าที่ได้รับคืน ตามเวลาที่ได้รับคืนออกจากราคาขายของสินค้า
· เมื่อไม่ได้รับคืนสินค้าที่ได้จัดหาให้ จะเป็นจำนวนเงินซึ่งเท่ากับราคาขายของสินค้าดังกล่าว
การลงโทษการละเมิด
- คณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า อาจมีคำสั่งให้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน เกี่ยวกับการยกเลิกคำสั่งซื้อ หรือสัญญา ให้ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขได้ หากไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ซ้ำ เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ภายใต้「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายตามพระราช บัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์์」 แม้ว่าจะได้มี คำสั่งให้ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขแล้ว คณะกรรมการความเป็นธรรมทางการค้า อาจสั่งให้ระงับการดำเนิน ธุรกิจทั้งหมดหรือบางส่วน หรือใช้มาตรการสั่งปรับกับผู้ประกอบการได้ (「พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค ในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์」 มาตรา 32(1) อนุอนุวรรค 1 มาตรา 32(4) และมาตรา 34(1))
Q. เมื่อผู้บริโภคต้องการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้า หลังจากที่ได้รับสินค้าแล้ว 2 สัปดาห์ ฉันต้องยอมรับ การยกเลิกในกรณีดังกล่าวหรือไม่
A. ผู้บริโภคที่มีส่วนร่วมในการทำธุรกรรมในห้างสรรพสินค้าออนไลน์ สามารถยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าได้ภายใน ระยะเวลาที่กำหนดได้ อย่างไรก็ตาม หากเกินกว่า 7 วัน นับจากวันที่เอกสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับรายละเอียดของ สัญญาได้ถูกส่งไปในเวลาที่มีการส่งสินค้า อาจปฏิเสธคำร้องขอยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวได้
ผู้บริโภคที่เข้าทำสัญญาเพื่อซื้อสินค้าบนห้างสรรพสินค้าออนไลน์ อาจยกเลิกสัญญาได้ ภายในระยะเวลาใด ดังต่อไปนี้ (ในกรณีที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายในการทำธุรกรรม ได้ตกลงให้มีระยะเวลานานกว่าระยะเวลาใดดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้) และให้ผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืนสินค้า
1. ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับเอกสาร (รวมถึงเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ และให้มีผลบังคับเดียวกันหลังจากนี้) เกี่ยวกับเนื้อหาของสัญญา
2. ภายใน 7 วัน นับจากวันที่พบหรือน่าจะพบที่อยู่ หรือเอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาของสัญญายังไม่ส่งมาถึง หรือ เอกสารซึ่งไม่ปรากฏที่อยู่ของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ได้ถูกส่งมาถึง หรือการยกเลิกคำสั่งซื้อ ไม่สามารถทำได้ภายใน 7 วัน อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าออนไลน์ เป็นต้น
3. ในกรณีที่มีการแทรกแซงเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาเกิดขึ้น ภายใน 7 วัน นับจากวันที่การแทรกแซงสิ้นสุดลง