การแจ้งปิดกิจการร้านเสริมสวย
การแจ้งปิดกิจการเป็นการแจ้งทางธุรกิจ
- หากผู้ที่ยื่นแจ้งทำธุรกิจร้านเสริมสวยต้องการจะปิดกิจการจะต้องยื่นหนังสือแจ้งปิดธุรกิจแก่นายกเทศมนตรี ผู้ว่าราชการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขต(หมายถึง ผู้อำนวยการสำนักงานในเขตพื้นที่ที่อยู่) ภายใน 20 วันนับจากวันที่ปิดกิจการ (「พระราชบัญญัติควบคุมสาธารณสุข」 บทบัญญัติหลัก มาตรา 3(2), 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายควบคุมสาธารณสุข」 มาตรา 3-3(1))
※ อย่างไรก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นเรื่องเพื่อปิดกิจการ ในช่วงที่มีคำสั่งระงับกิจการภายใต้ 「พระราชบัญญัติควบคุมสาธารณสุข」 มาตรา 11 (「พระราชบัญญัติควบคุมสาธารณสุข」 ข้อยกเว้นของมาตรา 3(2))
- หากบุคคลมีความประสงค์ที่จะแจ้งปิดกิจการดังกล่าวข้างต้น ให้ยื่นรายงานการปิดกิจการตาม 「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 8(8) ต้องยื่นคำร้องขอปิดกิจการตาม 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม」 แบบฟอร์ม 9 ในภาคผนวกขอ (「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายควบคุมสาธารณสุข」 บทบัญญัติแรกของมาตรา 3-3(2))
- นอกจากนี้เมื่อผู้อำนวยการสำนักงานสรรพากรในเขตพื้นที่ที่อยู่ ตาม 「 พระราชกำหนดบังคับใช้กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 13(5) และ (1) ได้รับแจ้งขอปิดกิจการ ก็ถือว่าเท่ากับได้แจ้งขอปิดกิจการแก่นายกเทศมนตรี ผู้ว่าราชการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขต ด้วย (「กฎระเบียบบังคับใช้กฎหมายควบคุมสาธารณสุข」มาตรา 3-3(3)
แจ้งปิดกิจการกับการจดทะเบียนธุรกิจ
- ผู้ประกอบการที่ได้ทำการจดทะเบียนเพื่อปิดกิจการแล้ว ผู้ประกอบการต้องยื่นรายงานการปิดกิจการระบุรายละเอียดดังต่อไปนี้ ต่อหัวหน้าสำนักงานสรรพากร หรือหัวหน้าสำนักงานสรรพากรที่ถูกเลือกตามความชอบของผู้แจ้งโดยทันที (「พระราชบัญญัติภาษีมูลค่าเพิ่ม」 บทบัญญัติหลัก มาตรา 8(8) และ「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 13(1))
· ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ
· วันที่ระงับกิจการ หรือวันที่ปิดกิจการพร้อมเหตุผล และ
· ข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ
- การยื่นรายงานเพื่อปิดกิจการ ต้องแนบใบรับรองการจดทะเบียนธุรกิจ (หมายถึง สำเนาเอกสารที่พิสูจน์ความจริงในการแจ้งปิดกิจการได้) (「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 13(2))
- หากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนธุรกิจยื่นส่งแบบขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มชุดสุดท้ายไปแล้ว โดยระบุถึงวันที่ปิดกิจการ เหตุผลการปิดกิจการ และแนบใบรับรองการจดทะเบียนธุรกิจ ให้ถือว่าได้ยื่นรายการการแจ้งปิดกิจการแล้ว (「พระราชกำหนดการบังคับใช้กฎหมายของภาษีมูลค่าเพิ่ม」 มาตรา 13(3) และ 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายของภาษีมูลค่าเพิ่ม」 ภาคผนวก แบบฟอร์ม 21)
การแจ้งการเพิกถอนและยกเลิกหลักประกันสาธารณะ 4 ประเภท
การแจ้งเพิกถอนสถานที่ทำงานโดยอัตโนมัติของเงินบำนาญแห่งชาติ
- เมื่อผู้ดำเนินกิจการร้านเสริมสวย ปิดกิจการของ สถานที่ทำงานที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ ผู้ดำเนินกิจการร้านเสริมสวยจะต้องยื่นเรื่องเพิกถอนกิจการธุรกิจออกจาก เพื่อยืนยันการเพิกถอนออกจากโครงการเงินบำนาญแห่งชาติภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป พร้อมเหตุผลของการปิดกิจการ (「พระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติ」 มาตรา 12(1), มาตรา 21(1), 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายบำนาญแห่งชาติ」 มาตรา 4, มาตรา 6)
การแจ้งเพิกถอนกิจการจากการประกันสุขภาพแห่งชาติ
- เมื่อปิดกิจการ ผู้ดำเนินกิจการร้านเสริมสวยที่เกี่ยวข้องต้องยื่นรายการขอเพิกถอนสถานที่ทำงาน (รวมถึงเอกสารอิเล็กทรอนิก) พร้อมด้วยเอกสารยืนยันการเพิกถอน (รวมถึงเอกสารอิเล็กทรอนิก) ต่อ「สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ」 ภายใน 14 วันนับจากปิดกิจการ (「พระราชบัญญัติประกันสุขภาพแห่งชาติ」 มาตรา 7 วรรค 2 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพแห่งชาติ」 มาตรา 3(3) วรรค 1)
การแจ้งยกเลิกการทำประกันภัย สำหรับการประกันการจ้างงานและการประกันค่าชดเชยอุบัติเหตุจากอุตสาหกรรม
- การยกเลิกการเอาประกันการจ้างงาน และประกันค่าชดเชยอุบัติเหตุอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดลง ในวันถัดจากวันที่กิจการร้านเสริมสวยที่เกี่ยวข้องปิดกิจการลง (「พระราชบัญญัติประกันการจ้างงานและพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดเก็บเบี้ยประกันภัย และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับการประกันการจ้างงานและการประกันค่าชดเชยอุบัติเหตุจากอุตสาหกรรม」 มาตรา 10 วรรค 1)
- ถ้าการเอาประกันของกิจการร้านเสริมสวยถูกยกเลิก เนื่องจากความไม่ต่อเนื่อง การยกเลิก เป็นต้น ผู้ดำเนินกิจการร้านเสริมสวยที่เกี่ยวข้องต้องรายการการยกเลิกการเอาประกันกับ ภายใน 14 วัน นับจากวันเอาประกันสิ้นสุดลง (「พระราชบัญญัติประกันการจ้างงานและพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดเก็บเบี้ยประกันภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันการจ้างงาน และประกันค่าชดเชยจากอุบัติเหตุจากอุตสาหกรรม」 บทบัญญัติหลักของมาตรา 11(1), 「กฎระเบียบการบังคับใช้กฎหมายประกันการจ้างงาน และ กฎหมายว่าด้วยการจัดเก็บเบี้ยประกันภัย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันการจ้างงาน และการประกันค่าชดเชยอุบัติเหตุจากอุตสาหกรรม」 บทบัญญัติหลัก มาตรา 7(3))