การหย่าร้างโดยการตกลงกันกรณีพระราชบัญญัติพลเรือนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้เป็นกฎหมายบังคับใช้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 834)
ข้อกำหนดทางบริบท
- การหย่าร้างโดยการตกลงกันมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. เจตนาที่จะหย่าร่างกันของสามีและภรรยาจะต้องเห็นพ้องกัน
2. สามีและภรรยายังคงมีเจตนาที่จะหย่าร้างเมื่อมีการยื่นเรื่องการหย่าและมีการเตรียมการไว้ (คำพิพากษาของศาลฎีกา ลงวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2536 คดีเลขที่ 93 Meu 171)
3. ข้อตกลงของเจตนาที่จะหย่าร้างต้องกระทำในขณะที่จิตใจปกติ ดังนั้นผู้บรรลุนิติภาวะที่ไร้สมรรถภาพต้องได้รับความยินยอมการหย่าร้างจากบิดามารดาของเขาหรือเธอ หรือผู้ปกครอง (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 835 และ 808 (2))
ข้อกำหนดตามขั้นตอน
- ขั้นตอนการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการหย่าร้างและระยะเวลาการไกล่เกลี่ย
· บุคคลใดที่มีเจตนาจะหย่าร้างโดยการตกลงกัน จะได้รับคำแนะนำโดยศาลครอบครัว และหากจำเป็น ศาลครอบครัวอาจแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพและมีประสบการณ์ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 836-2 (1))
· ฝ่ายที่ยื่นคำขอรับการยืนยันเจตนาในการหย่าร้างอาจได้รับการยืนยันหลังจาก3ามเดือนหากเขาหรือเธอมีบุตรที่ต้องดูแล และหนึ่งเดือนหากไม่สามารถบังคับใช้ได้ คู่กรณีจะบรรลุข้อตกลงในการดูแลบุตรและการแต่งตั้งบุคคลผู้มีอำนาจปกครอง หรือศาลครอบครัวจะวินิจฉัยในเรื่องที่ใช้แทนข้อตกลงดังกล่าว (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 836-2 (2) และ (4))
※ ศาลครอบครัวอาจยกเว้นหรือลดระยะเวลาการไกลเกลี่ยหากมีสถานการณ์เร่งด่วนเพื่อดำเนินการหย่าร้าง เนื่องจากคู่กรณีฝ่ายหนึ่งต้องทนทุกข์จากความรุนแรงในครอบครัวจากคู่กรณีอีกฝ่าย (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 836-2 (3))
- รายงานการหย่าร้าง
· หลังจากได้รับการยืนยันจากศาลครอบครัว การหย่าร้างโดยการตกลงกันจะส่งผลต่อการรายงานตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติการขึ้นทะเบียน ฯลฯ แห่งความสัมพันธ์ทางครอบครัว (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 836 (1))
การหย่าร้างโดยคำสั่งศาลกรณีพระราชบัญญัติพลเรือนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้เป็นกฎหมายบังคับใช้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 840)
เหตุของการหย่าร้างโดยคำสั่งศาล
- ทั้งสามีหรือภรรยาสามารถยื่นคำร้องต่อศาลครอบครัวเพื่อหย่าร้างในกรณีดังต่อไปนี้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 840)
1. หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประพฤตินอกใจ
2. หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกทิ้งร้างโดยคู่สมรสอีกฝ่าย
3. หากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับการประทุษร้ายจากคู่สมรสอีกฝ่าย หรือจากเครือญาติของเขาหรือเธอ
4. หากเครือญาติของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับการประทุษร้ายจากคู่สมรสอีกฝ่าย
5. หากไม่ทราบว่าคู่สมรสอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เป็นระยะเวลาสามปี
6. หากมีเหตุการณ์ร้ายแรงอื่นใดที่ทำให้ชีวิตการสมรสยากที่จะดำเนินต่อไปได้
ขั้นตอนการหย่าร้างโดยคำสั่งศาล
- ขั้นตอนการไกล่เกลี่ย
· บุคคลใดที่ประสงค์จะยื่นฟ้องร้องการหย่าร้างต่อศาลครอบครัวสำหรับคดีครอบครัวของกลุ่ม ข ตามข้อ 2 แห่งพระราชบัญญัติคดีครอบครัวจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อน (พระราชบัญญัติคดีครอบครัว มาตรา 50 (1))
- ขั้นตอนการสอบสวน
· หากมีการพิจารณาคดีที่ไม่ดำเนินการไกล่เกลี่ย การตกลงกันไม่สามารถบรรลุได้หรือการตัดสินใจแทนการไกล่เกลี่ยจะสูญเสียผลโดยการคัดค้าน ให้ถือว่าเป็นการฟ้องคดีเมื่อได้ยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว (พระราชบัญญัติคดีครอบครัว มาตรา 49 และ พระราชบัญญัติข้อพิพาทพลเรือนของการไกล่เกลี่ยในศาล)
· การพิพากษาการหย่าร้างจะมีผลต่อเมื่อมีการประกาศ และผู้ที่ยื่นคำร้องต้องส่งรายงานการหย่าร้าง แนบด้วยสำเนาที่ได้รับการรับรองแล้วของคำพิพากษาและหนังสือรับรองคำพิพากษาที่สิ้นสุด ภายในหนึ่งเดือนหลังจากวันที่การพิพากษาสิ้นสุด (พระราชบัญญัติคดีครอบครัว มาตรา 12 พระราชบัญญัติขั้นตอนพลเรือน มาตรา 505 และ พระราชบัญญัติการขึ้นทะเบียน ฯลฯ แห่งความสัมพันธ์ทางครอบครัว มาตรา 78 และ 58)
ผลบังคับใช้ของการหย่าร้างโดยคำสั่งศาล
- ผลบังคับใช้ทั่วไป
· เมื่อสามีและภรรยาหย่าร้างกัน การสมรสเป็นอันสิ้นสุดลง สิทธิและหน้าที่ทั้งหลายที่ขึ้นกับการสมรสสิ้นสุดลงเช่นกัน นอกจากนี้การเกี่ยวดองกันของเครือญาติเป็นอันสิ้นสุดลงไปด้วย (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 775 (1))
- ผลบังคับใช้ต่อบุตร
· หากคู่กรณีมีบุตรที่ยังเป็นผู้เยาว์ การหย่าร้างของพวกเขาจะมีผลบังคับใช้ต่อบุตร คู่กรณีต้องตัดสินใจว่าผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจดูแลบุตร นอกจากนี้ยังต้องตัดสินโดยให้ตกลงกันเกี่ยวกับการดูแลบุตร เช่น การคุ้มครองบุตร การช่วยเหลือบุตร ฯลฯ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 836-2 (4) และ 837)
· บิดาหรือมารดาผู้ที่ไม่ได้ดูแลบุตร จะได้รับสิทธิการเยี่ยมพบบุตรของเขาหรือเธอ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 837-2 (1)) หากจำเป็นเพื่อสวัสดิภาพของบุตร ศาลครอบครัวอาจจำกัดหรืองดเว้นสิทธิการเยี่ยมพบบุตรตามคำร้องขอจากคู่กรณีหรือตามสิทธิหน้าที่ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 837-2 (2))
- ผลบังคับใช้ต่อทรัพย์สิน
· ผู้ที่หย่าสามารถยื่นคำขอแบ่งทรัพย์สินของอีกฝ่ายหนึ่งได้ โดยสิทธิ์ในการขอแบ่งทรัพย์สินมีระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่หย่าร้างกัน หากเกินกำหนดนี้ถือว่าหมดสิทธิ์ (อาศัยพระราชบัญญัติพลเรือนมาตรา 839 (2) วรรค 1 และ 2 และ มาตรา 843)
· นอกจากนี้คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากอีกฝ่ายได้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 843 และ 806)