ความเป็นโมฆะของการสมรสเมื่อพระราชบัญญัติพลเรือนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้เป็นกฎหมายบังคับใช้
เหตุของความเป็นโมฆะของการสมรส
- การสมรสไม่มีผลและเป็นโมฆะหากไม่มีข้อตกลงระหว่างคู่สมรส (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 815)
คดีฟ้องร้องเกี่ยวกับความเป็นโมฆะของการสมรส
- การไกล่เกลี่ยไม่จำเป็นสำหรับการระงับการฟ้องร้องเกี่ยวกับการสมรสที่เป็นโมฆะ พระราชบัญญัติคดีครอบครัวกำหนดเขตอำนาจศาลอื่นในการดำเนินคดี บุคคลมีสิทธิที่จะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีโมฆะ ฯลฯ (พระราชบัญญัติคดีครอบครัว มาตรา 2 (1) และ มาตรา 22 จนถึง 24 และ มาตรา50 วรรค 1)
ผลบังคับใช้ของความเป็นโมฆะของการสมรส
- ผลบังคับใช้ต่อคู่สมรส
· เมื่อการสมรสไม่มีผลและเป็นโมฆะ จึงถือว่าคู่สมรสไม่ได้เป็นสามีและภรรยากันตั้งแต่แรกเริ่ม การสืบทอดมรดกและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในสิทธิเกี่ยวกับสถานภาพสมรสจึงกลายเป็นโมฆะเช่นกัน
· เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง ฝ่ายหนึ่งสามารถเรียกร้องค่าชดเชยด้านจิตใจ หรือความเสียหายทางทรัพย์สินจากอีกฝ่ายได้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 806 และ 825)
- ผลบังคับใช้ต่อบุตร
· บุตรของคู่สมรสจึงถือเป็นเป็นบุตรนอกสมรส (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 855 (1))
การเพิกถอนของการสมรสเมื่อพระราชบัญญัติพลเรือนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้เป็นกฎหมายบังคับใช้
เหตุของการเพิกถอนการสมรส
- คู่สมรสสามารถเพิกถอนการสมรสโดยการไกล่เกลี่ยที่ศาลครอบครัว หรือฟ้องร้องต่อศาลให้เพิกถอนการสมรสได้ หากเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
1. เมื่อคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอายุไม่ครบจนสามารถสมรสได้ (18 ปี) (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 807 และ 817)
2. เมื่อไม่ได้รับความยินยอมให้สมรสในกรณีที่ต้องขอความยินยอม (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 808 และ 817)
3. เมื่อเป็นการสมรสที่มีสามีหรือภรรยาพร้อมกันสองคน (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 816 วรรค 1 และ มาตรา 809)
※ กรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้เพิกถอนการสมรสหากไม่ตกอยู่ภายใต้เหตุแห่งความเป็นโมฆะของการสมรส
4. เมื่อคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทราบว่าคู่สมรสอีกฝ่ายเจ็บป่วยร้ายแรง หรือมีเหตุผลร้ายแรงอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตสมรสต่อไปได้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 816 วรรค 2)
※ ไม่มีจำเป็นต้องเรียกร้องสำหรับการเพิกถอนการสมรส การสมรสจะถูกเพิกถอนหลังจาก6กเดือนนับจากวันที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทราบเหตุดังกล่าว
5. เมื่อการสมรสนั้นเกิดจากการฉ้อโกงหรือข่มขู่บังคับ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 816 วรรค 3)
※ ไม่มีจำเป็นต้องเรียกร้องสำหรับการเพิกถอนการสมรสที่เกิดจากการฉ้อโกงหรือข่มขู่บังคับ การสมรสจะถูกเพิกถอนหลังจาก3ามเดือนนับจากวันที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทราบว่ามีการฉ้อโกงหรือเป็นอิสระจากการถูกข่มขู่บังคับ
ผู้เรียกร้องสิทธิ์สำหรับการเพิกถอนการสมรส
- คู่สมรสสามารถเรียกร้องขอเพิกถอนการสมรสได้ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 817 และ 818)
1. หากไม่ได้รับความยินยอมในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมให้สมรสได้ หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอายุไม่ครบจนสามารถสมรสได้ : ทั้งคู่สมรสหรือตัวแทนตามกฎหมาย
2. หากเป็นการสมรสที่มีสามีหรือภรรยาพร้อมกันสองคน : ทั้งคู่สมรส ลูกพี่ลูกน้อง หรือเครือญาติมีโลหิตสายเดียวกันที่มีความสัมพันธ์ระดับสี่
3. หากเป็นการสมรสกับบุคคลในครอบครัวเดียวกัน : หัวหน้าครอบครัว คู่สมรสของเขาหรือเธอ ลูกพี่ลูกน้อง เครือญาติมีโลหิตสายเดียวกันที่มีความสัมพันธ์ระดับสี่ หรือพนักงานฝ่ายอัยการ
ผลบังคับใช้ของการเพิกถอนการสมรส
- ไม่ส่งผลบังคับใช้ย้อนหลัง
· เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส จะต้องส่งผลบังคับใช้ในภายหน้าและต้องไม่ส่งผลบังคับใช้ย้อนหลัง (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 824)
· บุตรที่เกิดระหว่างการสมรสไม่สูญเสียสถานภาพความเป็นบุตรของบิดามารดา
- ความรับผิดชอบต่อการดูแลและสิทธิการเยี่ยมพบบุตร
· ในกรณีเพิกถอนการสมรส ศาลครอบครัวจะพิพากษาให้เป็นผู้ปกครองตามสิทธิหน้าที่ และบทบัญญัติของการดูแลและสิทธิการเยี่ยมพบบุตรจากการหย่าร้างโดยการตกลงกันร่วมกับความรับผิดชอบต่อการดูแลและสิทธิการเยี่ยมพบบุตร (มาตรา 909 (5) และ 824-2 ของกฎหมายแพ่ง)
· ดังนั้น คู่กรณีจะเป็นผู้กำหนดข้อตกลงต่าง ๆ ในการดูแลบุตร ในกรณีที่ตกลงกันไม่ได้ ศาลครอบครัวจะเป็นผู้ตัดสินใจตามคำร้องขอของคู่กรณี หรือตามหน้าที่ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 837 (1) และส่วนเดิมของ (4))
· นอกจากนี้บิดาหรือมารดาที่ไม่สามารถดูแลบุตรของตนได้จะได้รับสิทธิการเยี่ยมพบบุตร หากจำเป็นเพื่อสวัสดิภาพของบุตร ศาลครอบครัวอาจจำกัดหรืองดเว้นสิทธิการเยี่ยมพบบุตรตามคำร้องขอจากคู่กรณีหรือตามสิทธิหน้าที่ (พระราชบัญญัติพลเรือน มาตรา 837-2)